เริ่มต้นใช้งาน Google Drive กันเถอะ !
บริการดีๆของทาง Google นั้นไม่ได้มีเพียงแค่บริการฟรีอีเมลและ Search Engine เท่านั้น ยังมีอีกบริการหนึ่งของทาง Google ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งบริการฟรีที่ว่านั้นก็คือ Google Drive นั่นเอง
Google Drive คืออะไร? Google Drive เป็นบริการพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ขนาด 5 GB แบบฟรีๆ ที่เราจะนำ upload ไฟล์ข้อมูลขึ้นไปเก็บไว้ได้ นอกจากนี้แล้ว Google Drive ในตอนนี้ยังทำงานควบคู่ไปกับ Google Document ทำให้เราสามารถสร้าง แก้ไข แบ่งปันเอกสารประเภทต่างๆ เช่น เอกสาร Word เอกสาร Excel เอกสาร PowerPoint แผ่นงาน แบบฟอร์ม ภาพวาด แบบสอบถาม ฯลฯ นอกจากนี้แล้ว ตัว Google Drive เองยังประกอบไปด้วยความสามารถในการเปิดไฟล์ต่างๆมากกว่า 20 ชนิด !
1. ก่อนที่จะใช้งาน Google Drive ก็ต้องมีบัญชีของ Gmail เสียก่อน ลงชื่อเข้าสู่ระบบ Gmail จากนั้นคลิกที่ "ไดรฟ์" ตรงเมนูแถบบนของหน้าหลัก Google
2. เพียงเท่านี้ เราก็เข้ามาอยู่ในส่วนของ Google Dirve อันเป็นพื้นที่จัดเก็บส่วนตัวของเราแล้ว หากใช้งานในคอมพิวเตอร์ เราสามารถดาวน์โหลด "ไดรฟ์สำหรับ PC" ได้เพื่อให้เราสามารถทำงานและอัพโหลดไฟล์เข้ามาในพื้นที่จัดเก็บนี้ได้สะดวกมากขึ้น
การดาวน์โหลด "ไดรฟ์สำหรับ PC" นั้นทำให้เราสามารถเข้าถึง Google Drive ได้โดยตรงแบบไม่จำเป็นต้องผ่านเข้ามาทางหน้าเว็บแต่อย่างใด โดยจะทำการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ของเราเข้ากับ Google Drive โดยอัตโนมัติ เราสามารถอัพโหลดไฟล์ของเราขึ้นไปไว้ในพื้นที่จัดเก็บได้ง่ายๆเพียงแค่ นำไฟล์ที่ต้องการอัพโหลดไปวางไว้ในโฟลเดอร์ที่ชื่อ "Google ไดรฟ์"
หากไม่ต้องการให้คอมพิวเตอร์ของเราเชื่อมต่อเข้ากับ Google Drive ให้ไปที่แถบไอคอนของ "Google ไดรฟ์" ขนาดเล็กด้านล่าง คลิกแล้วเลือก "ปิด Google ไดรฟ์"
3. หากเราอัพไฟล์อะไรลงไปในโฟลเดอร์ "Google ไดรฟ์" ใน My Document ของเรามันก็จะถูกอัพโหลดเข้าไปไว้ใน Google Drive ทันที นอกจากนี้เรายังอัพโหลดไฟล์ผ่านทางหน้าเว็บโดยตรงก็ได้ โดยการคลิกที่ปุ่ม "อัพโหลด" ข้างๆกับปุ่ม "สร้าง"
4. เราสามารถสร้างไฟล์เอกสารต่างๆได้โดยตรงผ่าน Google Drive นี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น เอกสาร Word เอกสาร Excel เอกสาร PowerPoint ฯลฯ
5. นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลไฟล์ที่เราทำการเก็บไว้ภายใน Google Drive ได้ด้วย แต่ดูเหมือนว่ามันจะรับรองเฉพาะไฟล์ประเภทเอกสารเท่านั้น ยังไม่สามารถเล่นไฟล์ประเภทมัลติมีเดียได้
และนี่ก็คืออีกหนึ่งบริการเพื่อให้ความสะดวกสบายจาก Google ซึ่งช่วยให่เราสามารถเก็บรักษาไฟล์สำคัญๆของเราไว้ นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งปันไฟล์เหล่านี้ให้กับบุคคลที่เราต้องการได้อีกด้วย นอกจากนั้น Google Drive ยังช่วยให้เราสามารถแก้ไขไฟล์ได้อย่างสะดวกจากหลายช่องทางและช่วยให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในการแก้ไขไฟล์นั้นๆด้วย และที่สำคัญที่สุด มันเป็นบริการฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย สนใจสามารถลองใช้บริการได้ฟรี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:https://www.google.com/intl/th/drive/start/index.html
564737com
วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557
Google Drive คืออะไร?
Google Drive คืออะไร รวมบทความการใช้อย่างละเอียด
google-driveGoogle Drive เป็นบริการจาก Google ที่ทำให้เราสามารถนำไฟล์ต่าง ๆ ไปฝากไว้กับ Google ซึ่งทำให้เราสามารถใช้ไฟล์เหล่านั้นที่ไหนก็ได้ ไม่เพียงแค่ฝากไฟล์ได้เท่านั้นคุณยังสามารถ สามารถแบ่งปันไฟล์กับคนที่ต้องการ และสามารถแก้ไขร่วมกันได้จากอุปกรณ์ทุกประเภท
สำหรับพื้นที่ ๆ Google ให้เราใช้บริการฟรีนั้นอยู่ที่ 5 GB และหากต้องการพื้นที่มากขึ้นสามารถอัปเกรดเป็น 25 GB ได้ในราคาไม่ถึงเดือนละ 100 บาท สนใจอ่านวิธีใช้แบบฟรี ๆ ได้เลยครับขั้นตอนการใช้ Google Drive
การใช้งาน Google Drive นั้นเริ่มต้นง่าย ๆ เพียงแค่คุณสมัคร Gmail หากคุณยังไม่เคยสมัคร Gmail แนะนำให้สมัคร เนื่องจากสมัคร Gmail เพียง Account เดียว ทำให้สามารถใช้บริการต่าง ๆ ของ Google ได้อย่างมากมาย รวมถึง Google Drive ด้วย หากท่านใดยังไม่เคยสมัคร คลิกที่นี่ เพื่อสมัคร Gmail และเมื่อสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาดูขั้นตอนการใช้งาน Google Drive กันต่อเลย
เริ่มจากเปิดโปรแกรม Web Browser ของคุณขึ้นมา และเข้าไปที่เว็บไซต์ https://drive.google.com/start?continue=https://drive.google.com/%23#home จากนั้นคลิกปุ่ม ลงชื่อเข้าใช้งาน
[ลงชื่อเข้าใช้งาน google drive]
ปรากฏหน้าเข้าสู่ระบบขึ้นมา ให้ใส่ชื่อ Email และ Password ของเราลงไป เสร็จแล้วคลิกปุ่ม ลงชื่อเข้าใช้
แบบฟอร์มสำหรับเข้าสู่ระบบ google drive
จะเข้าสู่หน้าเว็บเพจของ Google Drive ซึ่งเพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานได้แล้ว แต่ผมอยากให้คุณ ๆ ได้ลองใช้งานโดยการติดตั้ง Google Drive ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งผมได้ทดลองแล้วรู้สึกชอบเลยนำมาแนะนำให้ได้ลองใช้งานกันดู สำหรับวิธีการนั้นง่ายมาก ๆ โดยเมื่อเข้าสู่หน้าเว็บเพจของ Google Drive เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่เมนู ไดรฟ์ของฉัน สังเกตว่าจะมีปุ่มสีฟ้า ๆ ชื่อ ติดตั้ง Google ไดรฟ์สำหรับพีซี อยู่ คลิกที่ปุ่มดังกล่าว 1 ครั้ง
หน้าต่างแสดงการต้อนรับของ google drive
แสดงหน้าต่าง Download Google Drive for Windows ขึ้นมา คลิกปุ่ม Accept and Install
download โปรแกรม google drive
เข้าสู่กระบวนการติดตั้ง Google Drive
แสดงสถานะกำลัง download google drive
เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วจะปรากฏหน้าต่างตามภาพด้านล่าง
ติดตั้ง google drive เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ส่งท้ายบทความ : กระบวนการติดตั้ง Google Drive ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น จะช่วยให้การใช้งาน Google Drive ของคุณนั้นง่ายมากขึ้น แต่ทั้งนี้การใช้งาน Google Drive ทุกครั้ง ไม่ว่าจะใช้งานผ่านโปรแกรมที่ติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือทำงานผ่านเว็บไซต์คุณจะต้องเชื่อมต่อกับ Internet อยู่ตลอดเวลา เชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะปัจจุบัน Internet นั้นมีให้เลือกใช้อยู่มากมาย
การใช้งาน Google Calendar กับโทรศัพท์มือถือ
การใช้งาน Google Calendar กับโทรศัพท์มือถือ
ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Google Calendar (โปรแกรมปฏิทิน) และการซิงโครไนส์ (Syncronize) ให้ข้อมูลจากโทรศัพท์ ตรงกันกับข้อมูลในโปรแกรมปฏิทิน Google
พอดีวันนี้หาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Google Calendar (โปรแกรมปฏิทิน) และการซิงโครไนส์ (Syncronize) ให้ข้อมูลจากโทรศัพท์ ตรงกันกับข้อมูลในโปรแกรมปฏิทิน Google ได้ค้นใน Internet เจอข้อมูลที่น่าสนใจ เลยจะเก็บเกี่ยวมาเล่าให้ฟัง ซึ่งอากจะมีประโยชน์กับหลายๆ ท่านนะครับ ก่อนอื่นมาดูการซิ้งค์ ระหว่าง Google Calendar กับ Microsoft Outlook ซึ่งน่าจะมีคนใช้อยู่มากพอสมควร ส่วนใหญ่ถ้าใช้โทรศัพท์พวก Pocket PC หรือ Window Mobile นั้น การเก็บข้อมูลจะเก็บลง Microsoft Outlook
Google ได้ออกเครื่องมือมาให้เราใช้ฟรีครับ เป็นโปรแกรมที่ ซิงค์ ระหว่าง Google Calendar กับ Microsoft Outlook ให้โดยอัตโนมัต ชื่อ Google Calendar Sync (version 0.9.3.3) หาอ่านได้ที่นี่ http://www.google.com/support/calendar/bin/answer.py?hl=en&answer=89955 ผู้ใช้ต้องมี email ของ Google จึงจะใช้ได้นะครับ เราสามารถที่จะไปดาวน์โหลดโปรแกรมนี้ ได้ที่นี่ครับ http://dl.google.com/googlecalendarsync/GoogleCalendarSync_Installer.exe ในการใช้งานเราต้อง ซิ้งค์ ระหว่าง Google Calendar กับ Microsoft Outlook ก่อน จากนั้นจึง ซิ้งค์ ระหว่าง Microsoft Outlook กับ โทรศัพท์ของเราอีกที เพื่อให้ขอ้มูลในทุกแหล่งตรงกันครับ
อีกหลายๆ ท่านอาจใช้มือถือที่เป็นระบบ Symbian ซิมเบียน เช่นพวก Nokia/Sony/Motorola/BlackBerry ก็มี เครื่องมือให้ใช้นะครับ เป็นโปรแกรมชื่อ GCalSync เป็นโปรแกรมพวกเปิดเผยชุดคำสั่ง (Open Source) ที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการใช้งาน ผมเองยังไม่ได้ลอง แต่เท่าที่ลองอ่านบทความที่นี่ http://www.gcalsync.com/ น่าจะใช้งานได้ดีพอสมควร โปรแกรมเขียนด้วยภาษา Java ซึ่งสามารถนำไปใช้กับมือถือที่สนับสนุน Jave Script นะครับ ในบทความจะมีรายชื่อโทรศัพท์ที่ใช้ได้ ลองตรวจสอบดู โทรศัพท์ของท่านอาจจะใช้ได้นะครับ
ที่จริงโทรศัพท์ผมเป็นระบบ Palm 5 ซึ่งผมยังไม่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติม ในประเทศไทยอาจจะมีคนใช้ไม่มากเท่า Window Pocket PC หรือ Symbian แต่ต่างประเทศเช่นในสหรัฐอเมริกา มีคนใช้โทรศัพท์ Palm จำนวนไม่น้อยนะครับ คิดน่าจะมีโปรแกรมดีๆ ให้ใช้พอสมควร
8 อย่างที่คุณไม่รู้กับ การใช้ Google Calendar ให้ฉลาดสุดๆ
8 อย่างที่คุณไม่รู้กับ การใช้ Google Calendar ให้ฉลาดสุดๆ
ชอบกูเกิ้ลตรงนี้แหละ แลปเค้าชอบมีของฟรี ของดีๆมาให้ลองใช้ อย่าง8เคล็ดลับใช้ปฏิทินกูเกิ้ลอันนี้โดนใจซีมากมาย
Google Calendar เปิดให้ใช้ฟรีๆมาเกือบสองปีแล้ว ใช้เขียนตารางนัดหมาย เตือนความจำ แถมซิงค์กะมือถือได้อีก เรียกว่าสะดวกสุดๆไปเลย และนี่คือฟีเจอร์ใหม่ๆ 8 อย่างที่กูเกิ้ลกำลังทำการทดสอบอยู่ เพื่อช่วยให้คุณสะดวกขึ้นไปอีกขั้น ใครไม่เคยก็ลองซะให้รู้ว่าดียังไง
1. Next Meeting
Next Meeting ปรากฎตัวเป็น widget อยู่ด้านข้างของปฎิทิน อันนี้เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์และน่าจะใช้บ่อยที่สุด มันช่วยแสดงว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นเป็นลำดับต่อไป มาพร้อมกับนาฬิกานับเวลาเดินถอยหลัง เพื่อไม่ให้คุณพลาดเหตุการณ์สำคัญนั้นๆ แถมยังเซ็ทตั้งค่าเป็นแถบสีได้ว่างานนี้มาจากปฎิทินอันไหน ทำให้คุณไม่งง
2. Jump to date
ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณค้นหาวันที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นวันที่ผ่านมาแล้วหรือวันที่ยังไม่มาถึง โดยไม่ต้องเลื่อนเปลี่ยนหน้ากลับไปกลับมาอีก ไม่เพียงช่วยให้คุณเช็คเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ถ้านำมาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Year View ด้านล่างจะช่วยวางแผน จัดการตารางเวลาล่วงหน้าในระยะยาวได้เป็นปีเลยค่ะ
3. Year View
ปฎิทินแบบเดิมนั้นดูได้แค่รายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน ด้วยฟีเจอร์นี้ทำให้คุณสามารถดูปฎิทินทั้งปีได้ภายในหน้าเดียว แถมยังใช้งานง่าย ไม่ก่อให้เกิดความน่ารำคาญ เหมาะสำหรับการใช้วางแผนงานล่วงหน้าหลายๆเดือน
4. World Clock
ฟีเจอร์นี้เป็นการเพิ่มเวลาของเมืองต่างๆทั่วโลกไว้ที่ด้านข้างของปฎิทิน โดยที่คุณสามารถเลือกเมืองที่ต้องการได้ แถมยังแสดงเวลากลางคืนได้โดยการใช้ไอคอนรูปพระจันทร์และพื้นหลังสีดำให้เข้าใจได้ง่าย มีประโยชน์มากสำหรับคนที่เดินทางบ่อยๆ หรือคนที่ทำงานผ่านอินเตอร์เน็ต เอาไว้สร้างตารางนัดหมายกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ต่างประเทศได้
5. Dim Future Repeating events
ฟีเจอร์นี้ให้คุณตั้งค่าเหตุการณ์ที่สำคัญในระหว่างวันได้ มันจะช่วยลดความสว่างของแถบสี ทำให้ช่วงเวลานั้นเด่นออกมา มีประโยชน์มากสำหรับวันไหนที่ตารางงานแน่นๆ แล้วคุณต้องกวาดตาดูปฎิทิน เพื่อวางแผนล่วงหน้าว่างานไหนต้องไม่พลาด
ุ6. Gentle Reminder
ฟีเจอร์นี้จะช่วยเตือนความจำคุณโดยการกระพริบเตือนบนแทบ browser ของคุณพร้อมกับส่งเสียงเพลงเตือนเบาๆ ซึ่งน่ารำคาญน้อยกว่าการใช่หน้าต่างป๊อปอัพเด้งขึ้นมาเตือน นอกจากนี้ยังมีออฟชั่นตั้งเตือนบนหน้า desktop ก็ได้ด้วย
7. Automatically Decline Events
ปฎิทินส่วนใหญ่มักตัวเลือกให้ผู้ใช้ตั้งสถานะ “busy” ในวันหรือเวลานั้นๆได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะหยุดส่งข้อความหรือคำเชิญให้คุณไปร่วมกิจกรรม ฟีเจอร์นี้จะช่วยจัดการปฎิเสธคำเชิญที่เข้ามาทั้งหมดถ้าสถานะคุณขึ้นว่ากำลังยุ่ง
8. Event Attachment
คุณสามารถตั้งค่าแชร์ปฎิทินกับเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานได้ แต่นั่นก็แค่บอกเวลาเท่านนั้น ด้วยฟีเจอร์นี้คุณสามารถโหลด attachments ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นๆขึ้นไปแชร์ได้ด้วย หรือจะแชร์ผ่านบริการของกูเกิลอย่าง google
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆตัวอื่นๆที่กูเกิ้ลกำลังทำการทดลอง ถ้าใครสนใจก็เข้าไปดูได้ ที่นี่ ค่ะ เผื่อเอาไปใช้ประโยชน์กับงานของคุณได้
VIA lifehacker
เคล็ดลับ : 10 tips การใช้ Google Calendar แบบเทพ ๆ
เคล็ดลับ : 10 tips การใช้ Google Calendar แบบเทพ ๆ
ผู้เขียนมีโอกาสใช้ Google Calendar มานานพอสมควร ได้เรียนรู้เทคนิคหลายอย่างที่จะทำให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับหลาย ๆ ท่านที่ใช้งาน Google Calendar อยู่แล้วด้วยเหมือนกัน จึงนำมาแลกเปลี่ยนความรู้กันซะหน่อย มี 10 tips ดังนี้ครับ
1. คีย์ลัด
การใช้คีย์ลัดช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น ตัวอย่าง คีย์ลัดที่ผู้เขียนใช้บ่อย เช่น
“S” เข้าไปที่หน้า Calendar Setting
“D“,”W“, “M” แสดงหน้าปฏิทินแบบ วัน, สัปดาห์, เดือน
“/” วางตำแหน่งเคอร์เซอร์ไปที่ กล่องค้นหา
“Q” แสดงกล่อง Quick Add
โดยผู้ใช้ต้องเข้าไปกำหนดค่าที่ Calendar settings -> General -> Enable keyboard shortcuts เลือกค่า Yes
ถ้าต้องการดูรายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับคีย์ลัดคลิกที่ Learn more
2. เพิ่ม Time Zone
หน้าปฏิทินสามารถเลือกแสดงได้หลาย Time Zone โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปเพิ่ม Time Zone ได้ที่ Calendar settings -> General ->Your current time zone คลิกที่ ”Show an additional time zone” แล้วไป Check Box ที่ ”Display all time zones”
3. แสดงปฏิทิน Thai Holidays
Google Calendar มีปฏิทินวันหยุดสำหรับนานาชาติให้เลือกใช้ ของประเทศไทยก็มีครับ ถ้าสนใจจะแสดงปฏิทินวันหยุด เข้าไปที่ Calendar settings -> Calendars -> Browse interesting calendars -> Holidays -> Thai Holidays คลิกที่ Subscribe
4. ปรับการแสดงจำนวนวันหน้าปฏิทิน
หน้าปฏิทินไม่จำเป็นต้องแสดงเป็น สัปดาห์ เดือน ปี ก็ได้ คุณสามารถกำหนดให้แสดงเป็นจำนวนวัน (2-7 days) หรือจำนวนสัปดาห์ (2-4 weeks) ได้ตามต้องการ โดยเข้าไปกำหนดค่าที่
Calendar settings -> General -> Default view และ Custom view
5. แสดง Tasks บนปฏิทิน
โดยค่า Default ปฏิทินจะไม่แสดง Tasks แต่ถ้าคุณมีความต้องการที่จะแสดง Tasks บนหน้าปฏิทินด้วย สามารถทำได้โดยการคลิกที่ My Calendar ทางด้านซ้ายของหน้า Calendar แล้วเลือก Tasks … รายการ Tasks ก็จะไปปรากฏในหน้าปฏิทิน
6. แบ่งปันปฏิทิน
คุณสามารถแบ่งปันปฏิทินของคุณไปยังบุคคลอื่นได้ตามต้องการ โดยการป้อนอีเมลล์ และสามารถกำหนดสิทธิให้กับผู้ที่ได้รับการแบ่งปันปฏิทินที่เห็นว่าเหมาะสมได้ด้วย
การกำหนดสิทธิมีให้เลือกดังนี้ “Make changes AND manage sharing” , “Make changes to events” , “See all event details” และ “See only free/busy (hide details)”
7. รับแจ้งกำหนดการทาง Email
ต้องการให้ Google Calendar ส่งอีเมลล์มาเตือนกำหนดการประจำวันทุกเช้า จะได้ไม่หลงลืมนัดสำคัญประจำวัน ทำได้โดยเข้าไปที่ Calendar settings -> Calendars คลิกที่ Notification หลังรายการปฏิทินที่สนใจจะให้เตือน (อยู่ประมาณกลาง ๆ หน้า) คลิกที่กล่อง Email หลัง Daily Agenda
8. สร้างกำหนดการผ่าน Quick Add
การสร้างกำหนดการด้วย Quick Add ช่วยให้การสร้างกำหนดสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามจะให้กำหนดการที่ไปปรากฏบนปฏิทินมีความถูกต้องชัดเจน คุณควรยึดหลักลำดับความ ดังนี้ “what, with who, where และ when” เช่น Seminar with K.POP at Satorn Road on March 6, 2012 8:30 a.m. – 12:30 p.m. เป็นต้น ในกรณีเป็นกำหนดการแบบทั้งวันก็ไม่ต้องกำหนดเวลา
9. ค้นหาด้วย Calendar Search
Google Calendar เตรียมเครื่องมือการค้นหาที่มีประสิทธิภาพไว้ให้ โดยเตรียมคำกรองที่ช่วยให้การค้นหาใช้คำที่เฉพาะเจาะจง มีโอกาสเจอกำหนดการในปฏิทินได้มากขึ้น ได้แก่ What , Who , Where , Doesn’t Have , Search (which calendar) และ Date from – to -
คุณสามารถใช้งานฟังก์ชันนี้ได้โดยการคลิก show search options อยู่หลังกล่องค้นหาด้านบนของปฏิทิน
10. ดูปฏิทินแบบ Offline
ไม่ได้ต่ออินเทอร์เนต ก็สามารถดูปฏิทินได้ครับ โดยการติดตั้ง Chrome App ที่ชื่อว่า Google Calendar จาก Chrome Web Store เป็นแอพที่พัฒนาโดย Google เองเลยครับ
เมื่อเปิดแอพขึ้นมาหน้าตาไม่แตกต่างจาก Google Calendar เวอร์ชั่นเดสก์ทอปที่คุ้นเคย ใช้งานง่ายเหมือนกัน เพียงแต่มีคุณสมบัติที่ยอมให้คุณดูปฏิทิน แม้ในขณะที่ไม่ได้ต่ออินเทอร์เนตครับ
Good calendar คืออะไร?
Google Calender คืออะไร
Google Calendar คือ บริการปฏิทินแบบออนไลน์ของ Google ซึ่งทำให้คุณสามารถเก็บข้อมูลเหตุการณ์ต่างๆ รวมไว้ในที่เดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกำหนดการนัดหมายและกำหนดเวลาเหตุการณ์ต่างๆ สามารถส่งข้อความเชิญ สามารถใช้ปฏิทินร่วมกับเพื่อนร่วมงาน และ ค้นหาเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ซึ่ง Google Calendar มีข้อดีกว่าโปรแกรมที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ต่างๆดังนี้
1. Google Calendar เป็นบริการออนไลน์และให้บริการฟรี ซึ่งต่างกับโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อโปรแกรมมาใช้
2. โปรแกรมในคอมพิวเตอร์มีการแสดงกิจกรรมในรูปแบบได้น้อย ซึ่งต่างจาก Google Calendar ที่แสดงตารางกิจกรรมได้หลายรูปแบบมากกว่า
3. Google Calendar มีการแจ้งเตือนผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนโปรแกรมที่คล้ายกับ Google Calendar ไม่มีการแจ้งเตือนแบบนี้
4. Google Calendar ใช้งานได้ง่ายและสะดวกกว่า จึงทำให้ผู้ที่เริ่มใช้งานเข้าใจได้ง่าย
5. Google Calendar สามารถใช้ทุกที่ที่มีอินเตอร์เน็ตจึงทำ ให้สะดวกกว่าโปรแกรมที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ซึ่งถ้าคอมพิวเตอร์เครื่องไหนไม่มี โปรแกรมนั้นก็จะใช้ไม่ได้
Google Calendar ดีอย่าไร
การจัดตารางเวลาของคุณไม่ควรเป็นเรื่องชวนปวดหัว Google ปฏิทินจะช่วยให้คุณสามารถติดตามทุกเรื่องสำคัญในชีวิตได้อย่างง่ายดายในจุด เดียว
1. แบ่งปันตารางเวลาของคุณ
ช่วยให้เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว และเพื่อนๆ สามารถดูปฏิทินของคุณ และดูตารางเวลาที่บุคคลอื่นแบ่งปันกับคุณ เมื่อคุณทราบว่าคนอื่นว่างหรือไม่ว่าง การกำหนดแผนงานต่างๆ ก็กลายเป็นเรื่องง่าย
2. ใช้ปฏิทินขณะที่คุณเดินทาง
คุณสามารถทำให้ข้อมูลตรงกับปฏิทินภายในโทรศัพท์มือถือหรือ Google ปฏิทิน สำหรับมือถือ ซึ่งออกแบบขึ้นสำหรับหน้าจอขนาดเล็กโดยเฉพาะเพื่อเข้าถึงปฏิทินของคุณขณะที่ คุณไม่ได้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์
3. ไม่พลาดกิจกรรมต่างๆ อีก
ตัวเตือนความจำ ที่ปรับแต่งได้ จะช่วยให้คุณไม่พลาดกิจกรรมในตารางเวลา คุณสามารถเลือกรับการแจ้งทางอีเมลหรือรับข้อความทางโทรศัพท์มือถือของคุณ
4. ส่งคำเชิญและติดตามการตอบรับคำเชิญ
เชิญบุคคลอื่น เข้าร่วมกิจกรรมในปฏิทินของคุณ ผู้เข้าร่วมจะสามารถตอบรับคำเชิญเข้าร่วมกิจกรรมทางอีเมลหรือผ่าน Google ปฏิทิน
5. ทำให้ข้อมูลตรงกับแอปพลิเคชันในเดสก์ท็อป
เข้าถึงปฏิทินของคุณได้ในทุกรูปแบบและทุกเวลาที่ต้องการ ด้วยการทำให้ข้อมูลกิจกรรมตรงกับ Microsoft Outlook, Apple iCal และ Mozilla Sunbird
6. ทำงานแบบออฟไลน์
ทราบกำหนดการของคุณได้ตลอดเวลา แม้ขณะที่ไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ต คุณสามารถใช้ การเข้าถึงแบบออฟไลน์ เพื่อดูปฏิทินฉบับอ่านอย่างเดียวได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน
7. ทั้งหมดนี้ให้บริการฟรีหรือ?
ใช่แล้ว
โครงสร้างและหลักการใช้ Picasa
โครงสร้าง และหลักการใช้ picasa
หลังจากที่ได้ทำความรู้จัก Download และติดตั้ง Picasa เสร็จเรียบร้อยแล้ว บทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถใช้งาน Picasa ได้รวดเร็วมากขึ้น เพราะบทความนี้จะบอกถึงโครงสร้าง และหลักการใช้งานของ Picasa
ส่วนที่มีความสำคัญหลัก ๆ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ Library และ Import
Library : คือส่วนที่ใช้แสดงรูปภาพที่มีอยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา โดยสามารถสร้าง Albums เพื่อเลือกรูปภาพจัดเป็นชุดตามความต้องการของคุณ นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่ใช้ในการปรับแต่งแก้ไขรูปภาพอีกด้วย
Import : คือส่วนที่นำเข้ารูปภาพ โดยกำหนดตามความต้องการของเราเอง
เมื่อคลิกที่โฟลเดอร์ที่เราจัดเก็บรูปภาพ ก็จะแสดงรูปภาพภายในโฟลเดอร์นั้นที่บานหน้าต่างทางด้านขวามือ จากตัวอย่างคลิกโฟลเดอร์ 2555-01-31 (6) ที่บานหน้าต่างทางด้านขวามือแสดงรูปภาพพร้อมรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งจะได้เขียนอธิบายเป็นเรื่อง ๆ ไป โฟลเดอร์ที่กล่าวถึงนี้เราสามารถบริหารจัดการได้ เช่น ลบ ย้าย โฟลเดอร์เป็นต้น หากเราต้องการแก้ไขรูปใด ให้ดับเบิลคลิกรูปนั้นขึ้นมาแล้วทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามความต้องการ
นอกจากนี้คุณยังสามารถสร้าง Albums เพื่อใช้จัดชุดรูปภาพที่คุณต้องการได้อีกด้วย และทั้งหมดนี้คือหลักการคร่าว ๆ เกี่ยวกับการใช้งาน Picasa เพื่อปรับแต่งรูปภาพ เพิ่มเติมก่อนจบบทความนี้ครับ โปรแกรม Picasa นั้นสามารถเปิดไฟล์ได้หลายชนิดรวมไปถึง RAW File ที่เหล่าตากล้องชื่นชอบอีกด้วย
ส่งท้ายบทความ : ติดตามอ่านบทความการปรับแต่งรูปภาพในลักษณะต่าง ๆ ได้จากเว็บไซต์ Ninetechno.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)