วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

เริ่มต้นใช้งาน Google Drive

เริ่มต้นใช้งาน Google Drive กันเถอะ ! บริการดีๆของทาง Google นั้นไม่ได้มีเพียงแค่บริการฟรีอีเมลและ Search Engine เท่านั้น ยังมีอีกบริการหนึ่งของทาง Google ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งบริการฟรีที่ว่านั้นก็คือ Google Drive นั่นเอง Google Drive คืออะไร? Google Drive เป็นบริการพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ขนาด 5 GB แบบฟรีๆ ที่เราจะนำ upload ไฟล์ข้อมูลขึ้นไปเก็บไว้ได้ นอกจากนี้แล้ว Google Drive ในตอนนี้ยังทำงานควบคู่ไปกับ Google Document ทำให้เราสามารถสร้าง แก้ไข แบ่งปันเอกสารประเภทต่างๆ เช่น เอกสาร Word เอกสาร Excel เอกสาร PowerPoint แผ่นงาน แบบฟอร์ม ภาพวาด แบบสอบถาม ฯลฯ นอกจากนี้แล้ว ตัว Google Drive เองยังประกอบไปด้วยความสามารถในการเปิดไฟล์ต่างๆมากกว่า 20 ชนิด !
 1. ก่อนที่จะใช้งาน Google Drive ก็ต้องมีบัญชีของ Gmail เสียก่อน ลงชื่อเข้าสู่ระบบ Gmail จากนั้นคลิกที่ "ไดรฟ์" ตรงเมนูแถบบนของหน้าหลัก Google
 2. เพียงเท่านี้ เราก็เข้ามาอยู่ในส่วนของ Google Dirve อันเป็นพื้นที่จัดเก็บส่วนตัวของเราแล้ว หากใช้งานในคอมพิวเตอร์ เราสามารถดาวน์โหลด "ไดรฟ์สำหรับ PC" ได้เพื่อให้เราสามารถทำงานและอัพโหลดไฟล์เข้ามาในพื้นที่จัดเก็บนี้ได้สะดวกมากขึ้น การดาวน์โหลด "ไดรฟ์สำหรับ PC" นั้นทำให้เราสามารถเข้าถึง Google Drive ได้โดยตรงแบบไม่จำเป็นต้องผ่านเข้ามาทางหน้าเว็บแต่อย่างใด โดยจะทำการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ของเราเข้ากับ Google Drive โดยอัตโนมัติ เราสามารถอัพโหลดไฟล์ของเราขึ้นไปไว้ในพื้นที่จัดเก็บได้ง่ายๆเพียงแค่ นำไฟล์ที่ต้องการอัพโหลดไปวางไว้ในโฟลเดอร์ที่ชื่อ "Google ไดรฟ์" หากไม่ต้องการให้คอมพิวเตอร์ของเราเชื่อมต่อเข้ากับ Google Drive ให้ไปที่แถบไอคอนของ "Google ไดรฟ์" ขนาดเล็กด้านล่าง คลิกแล้วเลือก "ปิด Google ไดรฟ์" 
3. หากเราอัพไฟล์อะไรลงไปในโฟลเดอร์ "Google ไดรฟ์" ใน My Document ของเรามันก็จะถูกอัพโหลดเข้าไปไว้ใน Google Drive ทันที นอกจากนี้เรายังอัพโหลดไฟล์ผ่านทางหน้าเว็บโดยตรงก็ได้ โดยการคลิกที่ปุ่ม "อัพโหลด" ข้างๆกับปุ่ม "สร้าง"
4. เราสามารถสร้างไฟล์เอกสารต่างๆได้โดยตรงผ่าน Google Drive นี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น เอกสาร Word เอกสาร Excel เอกสาร PowerPoint ฯลฯ
5. นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลไฟล์ที่เราทำการเก็บไว้ภายใน Google Drive ได้ด้วย แต่ดูเหมือนว่ามันจะรับรองเฉพาะไฟล์ประเภทเอกสารเท่านั้น ยังไม่สามารถเล่นไฟล์ประเภทมัลติมีเดียได้ และนี่ก็คืออีกหนึ่งบริการเพื่อให้ความสะดวกสบายจาก Google ซึ่งช่วยให่เราสามารถเก็บรักษาไฟล์สำคัญๆของเราไว้ นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งปันไฟล์เหล่านี้ให้กับบุคคลที่เราต้องการได้อีกด้วย นอกจากนั้น Google Drive ยังช่วยให้เราสามารถแก้ไขไฟล์ได้อย่างสะดวกจากหลายช่องทางและช่วยให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในการแก้ไขไฟล์นั้นๆด้วย และที่สำคัญที่สุด มันเป็นบริการฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย สนใจสามารถลองใช้บริการได้ฟรี อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:https://www.google.com/intl/th/drive/start/index.html

Google Drive คืออะไร?

Google Drive คืออะไร รวมบทความการใช้อย่างละเอียด google-driveGoogle Drive เป็นบริการจาก Google ที่ทำให้เราสามารถนำไฟล์ต่าง ๆ ไปฝากไว้กับ Google ซึ่งทำให้เราสามารถใช้ไฟล์เหล่านั้นที่ไหนก็ได้ ไม่เพียงแค่ฝากไฟล์ได้เท่านั้นคุณยังสามารถ สามารถแบ่งปันไฟล์กับคนที่ต้องการ และสามารถแก้ไขร่วมกันได้จากอุปกรณ์ทุกประเภท สำหรับพื้นที่ ๆ Google ให้เราใช้บริการฟรีนั้นอยู่ที่ 5 GB และหากต้องการพื้นที่มากขึ้นสามารถอัปเกรดเป็น 25 GB ได้ในราคาไม่ถึงเดือนละ 100 บาท สนใจอ่านวิธีใช้แบบฟรี ๆ ได้เลยครับขั้นตอนการใช้ Google Drive การใช้งาน Google Drive นั้นเริ่มต้นง่าย ๆ เพียงแค่คุณสมัคร Gmail หากคุณยังไม่เคยสมัคร Gmail แนะนำให้สมัคร เนื่องจากสมัคร Gmail เพียง Account เดียว ทำให้สามารถใช้บริการต่าง ๆ ของ Google ได้อย่างมากมาย รวมถึง Google Drive ด้วย หากท่านใดยังไม่เคยสมัคร คลิกที่นี่ เพื่อสมัคร Gmail และเมื่อสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาดูขั้นตอนการใช้งาน Google Drive กันต่อเลย เริ่มจากเปิดโปรแกรม Web Browser ของคุณขึ้นมา และเข้าไปที่เว็บไซต์ https://drive.google.com/start?continue=https://drive.google.com/%23#home จากนั้นคลิกปุ่ม ลงชื่อเข้าใช้งาน [ลงชื่อเข้าใช้งาน google drive] ปรากฏหน้าเข้าสู่ระบบขึ้นมา ให้ใส่ชื่อ Email และ Password ของเราลงไป เสร็จแล้วคลิกปุ่ม ลงชื่อเข้าใช้ แบบฟอร์มสำหรับเข้าสู่ระบบ google drive จะเข้าสู่หน้าเว็บเพจของ Google Drive ซึ่งเพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานได้แล้ว แต่ผมอยากให้คุณ ๆ ได้ลองใช้งานโดยการติดตั้ง Google Drive ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งผมได้ทดลองแล้วรู้สึกชอบเลยนำมาแนะนำให้ได้ลองใช้งานกันดู สำหรับวิธีการนั้นง่ายมาก ๆ โดยเมื่อเข้าสู่หน้าเว็บเพจของ Google Drive เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่เมนู ไดรฟ์ของฉัน สังเกตว่าจะมีปุ่มสีฟ้า ๆ ชื่อ ติดตั้ง Google ไดรฟ์สำหรับพีซี อยู่ คลิกที่ปุ่มดังกล่าว 1 ครั้ง หน้าต่างแสดงการต้อนรับของ google drive แสดงหน้าต่าง Download Google Drive for Windows ขึ้นมา คลิกปุ่ม Accept and Install download โปรแกรม google drive เข้าสู่กระบวนการติดตั้ง Google Drive แสดงสถานะกำลัง download google drive เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วจะปรากฏหน้าต่างตามภาพด้านล่าง ติดตั้ง google drive เสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งท้ายบทความ : กระบวนการติดตั้ง Google Drive ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น จะช่วยให้การใช้งาน Google Drive ของคุณนั้นง่ายมากขึ้น แต่ทั้งนี้การใช้งาน Google Drive ทุกครั้ง ไม่ว่าจะใช้งานผ่านโปรแกรมที่ติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือทำงานผ่านเว็บไซต์คุณจะต้องเชื่อมต่อกับ Internet อยู่ตลอดเวลา เชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะปัจจุบัน Internet นั้นมีให้เลือกใช้อยู่มากมาย

การใช้งาน Google Calendar กับโทรศัพท์มือถือ

การใช้งาน Google Calendar กับโทรศัพท์มือถือ ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Google Calendar (โปรแกรมปฏิทิน) และการซิงโครไนส์ (Syncronize) ให้ข้อมูลจากโทรศัพท์ ตรงกันกับข้อมูลในโปรแกรมปฏิทิน Google พอดีวันนี้หาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Google Calendar (โปรแกรมปฏิทิน) และการซิงโครไนส์ (Syncronize) ให้ข้อมูลจากโทรศัพท์ ตรงกันกับข้อมูลในโปรแกรมปฏิทิน Google ได้ค้นใน Internet เจอข้อมูลที่น่าสนใจ เลยจะเก็บเกี่ยวมาเล่าให้ฟัง ซึ่งอากจะมีประโยชน์กับหลายๆ ท่านนะครับ ก่อนอื่นมาดูการซิ้งค์ ระหว่าง Google Calendar กับ Microsoft Outlook ซึ่งน่าจะมีคนใช้อยู่มากพอสมควร ส่วนใหญ่ถ้าใช้โทรศัพท์พวก Pocket PC หรือ Window Mobile นั้น การเก็บข้อมูลจะเก็บลง Microsoft Outlook Google ได้ออกเครื่องมือมาให้เราใช้ฟรีครับ เป็นโปรแกรมที่ ซิงค์ ระหว่าง Google Calendar กับ Microsoft Outlook ให้โดยอัตโนมัต ชื่อ Google Calendar Sync (version 0.9.3.3) หาอ่านได้ที่นี่ http://www.google.com/support/calendar/bin/answer.py?hl=en&answer=89955 ผู้ใช้ต้องมี email ของ Google จึงจะใช้ได้นะครับ เราสามารถที่จะไปดาวน์โหลดโปรแกรมนี้ ได้ที่นี่ครับ http://dl.google.com/googlecalendarsync/GoogleCalendarSync_Installer.exe ในการใช้งานเราต้อง ซิ้งค์ ระหว่าง Google Calendar กับ Microsoft Outlook ก่อน จากนั้นจึง ซิ้งค์ ระหว่าง Microsoft Outlook กับ โทรศัพท์ของเราอีกที เพื่อให้ขอ้มูลในทุกแหล่งตรงกันครับ อีกหลายๆ ท่านอาจใช้มือถือที่เป็นระบบ Symbian ซิมเบียน เช่นพวก Nokia/Sony/Motorola/BlackBerry ก็มี เครื่องมือให้ใช้นะครับ เป็นโปรแกรมชื่อ GCalSync เป็นโปรแกรมพวกเปิดเผยชุดคำสั่ง (Open Source) ที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการใช้งาน ผมเองยังไม่ได้ลอง แต่เท่าที่ลองอ่านบทความที่นี่ http://www.gcalsync.com/ น่าจะใช้งานได้ดีพอสมควร โปรแกรมเขียนด้วยภาษา Java ซึ่งสามารถนำไปใช้กับมือถือที่สนับสนุน Jave Script นะครับ ในบทความจะมีรายชื่อโทรศัพท์ที่ใช้ได้ ลองตรวจสอบดู โทรศัพท์ของท่านอาจจะใช้ได้นะครับ ที่จริงโทรศัพท์ผมเป็นระบบ Palm 5 ซึ่งผมยังไม่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติม ในประเทศไทยอาจจะมีคนใช้ไม่มากเท่า Window Pocket PC หรือ Symbian แต่ต่างประเทศเช่นในสหรัฐอเมริกา มีคนใช้โทรศัพท์ Palm จำนวนไม่น้อยนะครับ คิดน่าจะมีโปรแกรมดีๆ ให้ใช้พอสมควร

8 อย่างที่คุณไม่รู้กับ การใช้ Google Calendar ให้ฉลาดสุดๆ‏

8 อย่างที่คุณไม่รู้กับ การใช้ Google Calendar ให้ฉลาดสุดๆ‏ ชอบกูเกิ้ลตรงนี้แหละ แลปเค้าชอบมีของฟรี ของดีๆมาให้ลองใช้ อย่าง8เคล็ดลับใช้ปฏิทินกูเกิ้ลอันนี้โดนใจซีมากมาย Google Calendar เปิดให้ใช้ฟรีๆมาเกือบสองปีแล้ว ใช้เขียนตารางนัดหมาย เตือนความจำ แถมซิงค์กะมือถือได้อีก เรียกว่าสะดวกสุดๆไปเลย และนี่คือฟีเจอร์ใหม่ๆ 8 อย่างที่กูเกิ้ลกำลังทำการทดสอบอยู่ เพื่อช่วยให้คุณสะดวกขึ้นไปอีกขั้น ใครไม่เคยก็ลองซะให้รู้ว่าดียังไง 1. Next Meeting Next Meeting ปรากฎตัวเป็น widget อยู่ด้านข้างของปฎิทิน อันนี้เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์และน่าจะใช้บ่อยที่สุด มันช่วยแสดงว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นเป็นลำดับต่อไป มาพร้อมกับนาฬิกานับเวลาเดินถอยหลัง เพื่อไม่ให้คุณพลาดเหตุการณ์สำคัญนั้นๆ แถมยังเซ็ทตั้งค่าเป็นแถบสีได้ว่างานนี้มาจากปฎิทินอันไหน ทำให้คุณไม่งง 2. Jump to date ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณค้นหาวันที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นวันที่ผ่านมาแล้วหรือวันที่ยังไม่มาถึง โดยไม่ต้องเลื่อนเปลี่ยนหน้ากลับไปกลับมาอีก ไม่เพียงช่วยให้คุณเช็คเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ถ้านำมาใช้ร่วมกับฟีเจอร์ Year View ด้านล่างจะช่วยวางแผน จัดการตารางเวลาล่วงหน้าในระยะยาวได้เป็นปีเลยค่ะ 3. Year View ปฎิทินแบบเดิมนั้นดูได้แค่รายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน ด้วยฟีเจอร์นี้ทำให้คุณสามารถดูปฎิทินทั้งปีได้ภายในหน้าเดียว แถมยังใช้งานง่าย ไม่ก่อให้เกิดความน่ารำคาญ เหมาะสำหรับการใช้วางแผนงานล่วงหน้าหลายๆเดือน 4. World Clock ฟีเจอร์นี้เป็นการเพิ่มเวลาของเมืองต่างๆทั่วโลกไว้ที่ด้านข้างของปฎิทิน โดยที่คุณสามารถเลือกเมืองที่ต้องการได้ แถมยังแสดงเวลากลางคืนได้โดยการใช้ไอคอนรูปพระจันทร์และพื้นหลังสีดำให้เข้าใจได้ง่าย มีประโยชน์มากสำหรับคนที่เดินทางบ่อยๆ หรือคนที่ทำงานผ่านอินเตอร์เน็ต เอาไว้สร้างตารางนัดหมายกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ต่างประเทศได้ 5. Dim Future Repeating events ฟีเจอร์นี้ให้คุณตั้งค่าเหตุการณ์ที่สำคัญในระหว่างวันได้ มันจะช่วยลดความสว่างของแถบสี ทำให้ช่วงเวลานั้นเด่นออกมา มีประโยชน์มากสำหรับวันไหนที่ตารางงานแน่นๆ แล้วคุณต้องกวาดตาดูปฎิทิน เพื่อวางแผนล่วงหน้าว่างานไหนต้องไม่พลาด ุ6. Gentle Reminder ฟีเจอร์นี้จะช่วยเตือนความจำคุณโดยการกระพริบเตือนบนแทบ browser ของคุณพร้อมกับส่งเสียงเพลงเตือนเบาๆ ซึ่งน่ารำคาญน้อยกว่าการใช่หน้าต่างป๊อปอัพเด้งขึ้นมาเตือน นอกจากนี้ยังมีออฟชั่นตั้งเตือนบนหน้า desktop ก็ได้ด้วย 7. Automatically Decline Events ปฎิทินส่วนใหญ่มักตัวเลือกให้ผู้ใช้ตั้งสถานะ “busy” ในวันหรือเวลานั้นๆได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะหยุดส่งข้อความหรือคำเชิญให้คุณไปร่วมกิจกรรม ฟีเจอร์นี้จะช่วยจัดการปฎิเสธคำเชิญที่เข้ามาทั้งหมดถ้าสถานะคุณขึ้นว่ากำลังยุ่ง 8. Event Attachment คุณสามารถตั้งค่าแชร์ปฎิทินกับเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานได้ แต่นั่นก็แค่บอกเวลาเท่านนั้น ด้วยฟีเจอร์นี้คุณสามารถโหลด attachments ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นๆขึ้นไปแชร์ได้ด้วย หรือจะแชร์ผ่านบริการของกูเกิลอย่าง google นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆตัวอื่นๆที่กูเกิ้ลกำลังทำการทดลอง ถ้าใครสนใจก็เข้าไปดูได้ ที่นี่ ค่ะ เผื่อเอาไปใช้ประโยชน์กับงานของคุณได้ VIA lifehacker

เคล็ดลับ : 10 tips การใช้ Google Calendar แบบเทพ ๆ

เคล็ดลับ : 10 tips การใช้ Google Calendar แบบเทพ ๆ ผู้เขียนมีโอกาสใช้ Google Calendar มานานพอสมควร ได้เรียนรู้เทคนิคหลายอย่างที่จะทำให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับหลาย ๆ ท่านที่ใช้งาน Google Calendar อยู่แล้วด้วยเหมือนกัน จึงนำมาแลกเปลี่ยนความรู้กันซะหน่อย มี 10 tips ดังนี้ครับ 1. คีย์ลัด การใช้คีย์ลัดช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น ตัวอย่าง คีย์ลัดที่ผู้เขียนใช้บ่อย เช่น “S” เข้าไปที่หน้า Calendar Setting “D“,”W“, “M” แสดงหน้าปฏิทินแบบ วัน, สัปดาห์, เดือน “/” วางตำแหน่งเคอร์เซอร์ไปที่ กล่องค้นหา “Q” แสดงกล่อง Quick Add โดยผู้ใช้ต้องเข้าไปกำหนดค่าที่ Calendar settings -> General -> Enable keyboard shortcuts เลือกค่า Yes ถ้าต้องการดูรายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับคีย์ลัดคลิกที่ Learn more 2. เพิ่ม Time Zone หน้าปฏิทินสามารถเลือกแสดงได้หลาย Time Zone โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปเพิ่ม Time Zone ได้ที่ Calendar settings -> General ->Your current time zone คลิกที่ ”Show an additional time zone” แล้วไป Check Box ที่ ”Display all time zones” 3. แสดงปฏิทิน Thai Holidays Google Calendar มีปฏิทินวันหยุดสำหรับนานาชาติให้เลือกใช้ ของประเทศไทยก็มีครับ ถ้าสนใจจะแสดงปฏิทินวันหยุด เข้าไปที่ Calendar settings -> Calendars -> Browse interesting calendars -> Holidays -> Thai Holidays คลิกที่ Subscribe 4. ปรับการแสดงจำนวนวันหน้าปฏิทิน หน้าปฏิทินไม่จำเป็นต้องแสดงเป็น สัปดาห์ เดือน ปี ก็ได้ คุณสามารถกำหนดให้แสดงเป็นจำนวนวัน (2-7 days) หรือจำนวนสัปดาห์ (2-4 weeks) ได้ตามต้องการ โดยเข้าไปกำหนดค่าที่ Calendar settings -> General -> Default view และ Custom view 5. แสดง Tasks บนปฏิทิน โดยค่า Default ปฏิทินจะไม่แสดง Tasks แต่ถ้าคุณมีความต้องการที่จะแสดง Tasks บนหน้าปฏิทินด้วย สามารถทำได้โดยการคลิกที่ My Calendar ทางด้านซ้ายของหน้า Calendar แล้วเลือก Tasks … รายการ Tasks ก็จะไปปรากฏในหน้าปฏิทิน 6. แบ่งปันปฏิทิน คุณสามารถแบ่งปันปฏิทินของคุณไปยังบุคคลอื่นได้ตามต้องการ โดยการป้อนอีเมลล์ และสามารถกำหนดสิทธิให้กับผู้ที่ได้รับการแบ่งปันปฏิทินที่เห็นว่าเหมาะสมได้ด้วย การกำหนดสิทธิมีให้เลือกดังนี้ “Make changes AND manage sharing” , “Make changes to events” , “See all event details” และ “See only free/busy (hide details)” 7. รับแจ้งกำหนดการทาง Email ต้องการให้ Google Calendar ส่งอีเมลล์มาเตือนกำหนดการประจำวันทุกเช้า จะได้ไม่หลงลืมนัดสำคัญประจำวัน ทำได้โดยเข้าไปที่ Calendar settings -> Calendars คลิกที่ Notification หลังรายการปฏิทินที่สนใจจะให้เตือน (อยู่ประมาณกลาง ๆ หน้า) คลิกที่กล่อง Email หลัง Daily Agenda 8. สร้างกำหนดการผ่าน Quick Add การสร้างกำหนดการด้วย Quick Add ช่วยให้การสร้างกำหนดสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามจะให้กำหนดการที่ไปปรากฏบนปฏิทินมีความถูกต้องชัดเจน คุณควรยึดหลักลำดับความ ดังนี้ “what, with who, where และ when” เช่น Seminar with K.POP at Satorn Road on March 6, 2012 8:30 a.m. – 12:30 p.m. เป็นต้น ในกรณีเป็นกำหนดการแบบทั้งวันก็ไม่ต้องกำหนดเวลา 9. ค้นหาด้วย Calendar Search Google Calendar เตรียมเครื่องมือการค้นหาที่มีประสิทธิภาพไว้ให้ โดยเตรียมคำกรองที่ช่วยให้การค้นหาใช้คำที่เฉพาะเจาะจง มีโอกาสเจอกำหนดการในปฏิทินได้มากขึ้น ได้แก่ What , Who , Where , Doesn’t Have , Search (which calendar) และ Date from – to - คุณสามารถใช้งานฟังก์ชันนี้ได้โดยการคลิก show search options อยู่หลังกล่องค้นหาด้านบนของปฏิทิน 10. ดูปฏิทินแบบ Offline ไม่ได้ต่ออินเทอร์เนต ก็สามารถดูปฏิทินได้ครับ โดยการติดตั้ง Chrome App ที่ชื่อว่า Google Calendar จาก Chrome Web Store เป็นแอพที่พัฒนาโดย Google เองเลยครับ เมื่อเปิดแอพขึ้นมาหน้าตาไม่แตกต่างจาก Google Calendar เวอร์ชั่นเดสก์ทอปที่คุ้นเคย ใช้งานง่ายเหมือนกัน เพียงแต่มีคุณสมบัติที่ยอมให้คุณดูปฏิทิน แม้ในขณะที่ไม่ได้ต่ออินเทอร์เนตครับ

Good calendar คืออะไร?

Google Calender คืออะไร Google Calendar คือ บริการปฏิทินแบบออนไลน์ของ Google ซึ่งทำให้คุณสามารถเก็บข้อมูลเหตุการณ์ต่างๆ รวมไว้ในที่เดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกำหนดการนัดหมายและกำหนดเวลาเหตุการณ์ต่างๆ สามารถส่งข้อความเชิญ สามารถใช้ปฏิทินร่วมกับเพื่อนร่วมงาน และ ค้นหาเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ซึ่ง Google Calendar มีข้อดีกว่าโปรแกรมที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ต่างๆดังนี้ 1. Google Calendar เป็นบริการออนไลน์และให้บริการฟรี ซึ่งต่างกับโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อโปรแกรมมาใช้ 2. โปรแกรมในคอมพิวเตอร์มีการแสดงกิจกรรมในรูปแบบได้น้อย ซึ่งต่างจาก Google Calendar ที่แสดงตารางกิจกรรมได้หลายรูปแบบมากกว่า 3. Google Calendar มีการแจ้งเตือนผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนโปรแกรมที่คล้ายกับ Google Calendar ไม่มีการแจ้งเตือนแบบนี้ 4. Google Calendar ใช้งานได้ง่ายและสะดวกกว่า จึงทำให้ผู้ที่เริ่มใช้งานเข้าใจได้ง่าย 5. Google Calendar สามารถใช้ทุกที่ที่มีอินเตอร์เน็ตจึงทำ ให้สะดวกกว่าโปรแกรมที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ซึ่งถ้าคอมพิวเตอร์เครื่องไหนไม่มี โปรแกรมนั้นก็จะใช้ไม่ได้ Google Calendar ดีอย่าไร การจัดตารางเวลาของคุณไม่ควรเป็นเรื่องชวนปวดหัว Google ปฏิทินจะช่วยให้คุณสามารถติดตามทุกเรื่องสำคัญในชีวิตได้อย่างง่ายดายในจุด เดียว 1. แบ่งปันตารางเวลาของคุณ ช่วยให้เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว และเพื่อนๆ สามารถดูปฏิทินของคุณ และดูตารางเวลาที่บุคคลอื่นแบ่งปันกับคุณ เมื่อคุณทราบว่าคนอื่นว่างหรือไม่ว่าง การกำหนดแผนงานต่างๆ ก็กลายเป็นเรื่องง่าย 2. ใช้ปฏิทินขณะที่คุณเดินทาง คุณสามารถทำให้ข้อมูลตรงกับปฏิทินภายในโทรศัพท์มือถือหรือ Google ปฏิทิน สำหรับมือถือ ซึ่งออกแบบขึ้นสำหรับหน้าจอขนาดเล็กโดยเฉพาะเพื่อเข้าถึงปฏิทินของคุณขณะที่ คุณไม่ได้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ 3. ไม่พลาดกิจกรรมต่างๆ อีก ตัวเตือนความจำ ที่ปรับแต่งได้ จะช่วยให้คุณไม่พลาดกิจกรรมในตารางเวลา คุณสามารถเลือกรับการแจ้งทางอีเมลหรือรับข้อความทางโทรศัพท์มือถือของคุณ 4. ส่งคำเชิญและติดตามการตอบรับคำเชิญ เชิญบุคคลอื่น เข้าร่วมกิจกรรมในปฏิทินของคุณ ผู้เข้าร่วมจะสามารถตอบรับคำเชิญเข้าร่วมกิจกรรมทางอีเมลหรือผ่าน Google ปฏิทิน 5. ทำให้ข้อมูลตรงกับแอปพลิเคชันในเดสก์ท็อป เข้าถึงปฏิทินของคุณได้ในทุกรูปแบบและทุกเวลาที่ต้องการ ด้วยการทำให้ข้อมูลกิจกรรมตรงกับ Microsoft Outlook, Apple iCal และ Mozilla Sunbird 6. ทำงานแบบออฟไลน์ ทราบกำหนดการของคุณได้ตลอดเวลา แม้ขณะที่ไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ต คุณสามารถใช้ การเข้าถึงแบบออฟไลน์ เพื่อดูปฏิทินฉบับอ่านอย่างเดียวได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน 7. ทั้งหมดนี้ให้บริการฟรีหรือ? ใช่แล้ว

โครงสร้างและหลักการใช้ Picasa

โครงสร้าง และหลักการใช้ picasa หลังจากที่ได้ทำความรู้จัก Download และติดตั้ง Picasa เสร็จเรียบร้อยแล้ว บทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถใช้งาน Picasa ได้รวดเร็วมากขึ้น เพราะบทความนี้จะบอกถึงโครงสร้าง และหลักการใช้งานของ Picasa ส่วนที่มีความสำคัญหลัก ๆ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ Library และ Import Library : คือส่วนที่ใช้แสดงรูปภาพที่มีอยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา โดยสามารถสร้าง Albums เพื่อเลือกรูปภาพจัดเป็นชุดตามความต้องการของคุณ นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่ใช้ในการปรับแต่งแก้ไขรูปภาพอีกด้วย Import : คือส่วนที่นำเข้ารูปภาพ โดยกำหนดตามความต้องการของเราเอง เมื่อคลิกที่โฟลเดอร์ที่เราจัดเก็บรูปภาพ ก็จะแสดงรูปภาพภายในโฟลเดอร์นั้นที่บานหน้าต่างทางด้านขวามือ จากตัวอย่างคลิกโฟลเดอร์ 2555-01-31 (6) ที่บานหน้าต่างทางด้านขวามือแสดงรูปภาพพร้อมรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งจะได้เขียนอธิบายเป็นเรื่อง ๆ ไป โฟลเดอร์ที่กล่าวถึงนี้เราสามารถบริหารจัดการได้ เช่น ลบ ย้าย โฟลเดอร์เป็นต้น หากเราต้องการแก้ไขรูปใด ให้ดับเบิลคลิกรูปนั้นขึ้นมาแล้วทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามความต้องการ นอกจากนี้คุณยังสามารถสร้าง Albums เพื่อใช้จัดชุดรูปภาพที่คุณต้องการได้อีกด้วย และทั้งหมดนี้คือหลักการคร่าว ๆ เกี่ยวกับการใช้งาน Picasa เพื่อปรับแต่งรูปภาพ เพิ่มเติมก่อนจบบทความนี้ครับ โปรแกรม Picasa นั้นสามารถเปิดไฟล์ได้หลายชนิดรวมไปถึง RAW File ที่เหล่าตากล้องชื่นชอบอีกด้วย ส่งท้ายบทความ : ติดตามอ่านบทความการปรับแต่งรูปภาพในลักษณะต่าง ๆ ได้จากเว็บไซต์ Ninetechno.com

Google Picasa คืออะไร?

Picasa เป็นโปรแกรมจัดการรูปภาพของ Google ที่แจกให้ใช้ฟรี เปิดตัวตั้งแต่ปี 2004 มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องมีบริการ Picasa Web Albums ร่วมด้วยให้สามารถอับโหลดไฟล์เก็บไว้บนเว็บได้ แบบฟรีให้พื้นที่ 1 GB มีความสามารถในการจดจำใบหน้าของคนในรูปได้ ค้นหา, จัดระเบียบ ทำให้เป็นระบบ และแบ่งปันรูปภาพของคุณ Picasa เป็นโปรแกรมฟรีจาก Google ที่เราสามารถดาวน์โหลดได้จาก picasa.google.com มีประโยชน์ใช้สอยในการ: - ค้นหาและจัดระเบียบรูปภาพทุกรูป (ที่คุณต้องการ) บนคอมพิวเตอร์ของคุณให้เป็นระบบ - ใช้แก้ไขปรับแต่งรูปภาพและเพิ่มลูก เล่น effects บนภาพด้วยวิธีง่ายๆ ในไม่กี่คลิ๊ก - แบ่งปันรูปภาพให้กับคนอื่นผ่านอีเมล์ สั่งพิมพ์ออนไลน์ และแม้แต่อัพโหลดขึ้นบล๊อก เมื่อสมัคร Gmail เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปคือการ Download Software Picasa มาใช้งาน โดยเข้าไปที่ http://picasa.google.co.th/ จะเข้าสู่เว็บไซต์ตามภาพด้านล่าง แล้วคลิกที่ปุ่ม Download Picasa ที่มุมบนขวามือของหน้าเว็บเพจ Download Picasa จะปรากฏหน้า Opening picasa39-setup.ext ขึ้นมา คลิกปุ่ม Save File กดปุ่ม Save File เพื่อดาวน์โหลด picasa รอจนกระทั่ง Download เสร็จเรียบร้อย จะได้ไฟล์สำหรับติดตั้งโปรแกรม Picasa ขนาดประมาณ 14 MB ตามภาพด้านล่าง ไฟล์สำหรับติดตั้ง picasa ส่งท้ายบทความ ติดตามบทความการใช้งาน Picasa ในตอนต่อไปได้ที่เว็บไซต์ Ninetechno.com แห่งนี้ครับ เมื่อได้ลองใช้งานคุณน่าจะทึ่ง และติดใจในความสามารถของ Picasa เหมือนผม

ทำความรู้จักกับ Google Map

ทำความรู้จักกับ Google แผนที่ บทความนี้สำหรับ Google แผนที่แบบคลาสสิก หากคุณเลือกที่จะใช้ Google แผนที่ใหม่ โปรดดูที่บทความนี้ แผนภูมิด้านล่างนี้อธิบายคุณลักษณะบางอย่างที่มีใน Google แผนที่สำหรับเดสก์ท็อป คุณลักษณะบางอย่างอาจไม่มีให้ใช้งานที่ตำแหน่งของคุณ ค้นหาเส้นทาง - หากต้องการไปไหนสักที่ คลิกที่นี่เพื่อขอเส้นทางการขับขี่ การเดิน การขี่จักรยาน หรือระบบขนส่งสาธารณะ สถานที่ของฉัน - สร้างแผนที่ของคุณเอง ดูสถานที่ติดดาวของคุณ และธุรกิจที่คุณเคยให้ความเห็นไว้ ค้นหาแผนที่ - ค้นหาสถานที่ ธุรกิจ ทางแยก ที่อยู่ และอื่นๆ อีกมากมายบน Google แผนที่ แสดง/ซ่อน - คลิกลูกศรซ้าย (<<) เพื่อซ่อนแผงด้านซ้าย และคลิกลูกศรขวา (>>) เพื่อแสดงแผงดังกล่าว การนำทางในแผนที่ - คลิกและลากแผนที่เพื่อเลื่อน หรือใช้ลูกศร ลากตัวเลื่อนย่อ/ขยายขึ้นหรือลงเพื่อเพิ่มปริมาณการย่อหรือขยาย เลเยอร์ - วางเมาส์เหนือวิดเจ็ตที่มุมขวาของแผนที่เพื่อดูเลเยอร์ที่มีให้ใช้งานสำหรับตำแหน่งของคุณ เช่น จราจร ภาพถ่าย และอื่นๆ พิมพ์/ส่ง - พิมพ์แผนที่หรือส่งแผนที่ไปให้คนอื่น ลิงก์มายังหน้านี้ - สร้างที่อยู่เว็บ (URL) สำหรับแผนที่ของคุณ ซึ่งสามารถแชร์กับคนอื่นได้อย่างง่ายดาย ผลการค้นหา - คุณจะพบผลการค้นหาของคุณที่แผงด้านซ้าย คลิกที่ผลการค้นหาที่คุณต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม แผนที่ - พื้นที่แผนที่จะแสดงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์พร้อมกับผลการค้นหาที่สอดคล้องกัน และข้อมูลอื่นๆ จากตำแหน่งนั้น สตรีทวิว - ลากเพ็กแมนสีเหลืองบนตัวควบคุมการซูมของแผนที่ไปที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งบนแผนที่ เพื่อดูและควบคุมทิศทางภาพถ่ายในระดับถนน หน้าต่างข้อมูล - เมื่อคุณคลิกหน้าต่างข้อมูลสีแดง จะแสดงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่นั้น มุมมอง - สลับไปมาระหว่างมุมมองแผนที่ ดาวเทียม และ Earth แผนที่ภาพรวม - ดูตำแหน่งของมุมมองแผนที่ปัจจุบัน (ในกล่องสีม่วง) ในมุมมองของพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น คุณสามารถคลิกเพื่อซ่อนแผนที่ภาพรวม หรือคลิกเพื่อแสดงอีกครั้งได้ตลอดเวลา รายงานปัญหา - โปรดช่วยปรับปรุง Google แผนที่ให้ดีขึ้นโดยการรายงานปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลหรือผลิตภัณฑ์ วิธีอื่นๆ ในการดู Google แผนที่ คุณยังสามารถดู Google แผนที่ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งต่อไปนี้ ดูหน้าเว็บที่มี Google แผนที่ฝังอยู่ ดู Google แผนที่บนอุปกรณ์แอนดรอยด์หรือ iOS ดูแผนที่ส่วนตัวที่สร้างโดยผลิตภัณฑ์ Google Earth Enterprise คุณยังมีตัวเลือกเพื่อดูแผนที่และเลเยอร์ในภาษาที่คุณต้องการ ทั้งจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลี ยูเครน หรือภาษาอังกฤษ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเลเยอร์ทั้งหมดที่มีให้ใช้งานได้ใน Google แผนที่ หากคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม ให้ไปที่ฟอรัมช่วยเหลือของ Google แผนที่ เพื่อเรียนรู้จากผู้ใช้ Google แผนที่คนอื่นโดยการถามคำถามและแชร์คำตอบ

Google Map คืออะไร?

Google maps คือ บริการเกี่ยวกับแผนที่ ผ่านเว็บบราวเซอร์ ของ Google เราสามารถเปิดเว็บไซต์จากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ เพื่อ เปิดใช้ บริการแผนที่ของ Google maps ความสามารถของ Google maps กับงานช่าง และงานท้องถิ่น 1. สามารถใช้วางแผนการเดินทางได้ 2. สามารถตรวจสอบระยะทางถนนได้ 3. สามารถตรวจสอบความกว้างยาว ของพื้นที่ ต่างๆ ได้ 4. สามารถตรวจสอบเนื้อที่ ของพื้นที่ ที่เราต้องการได้ 5. สามารถนำแผนที่ไปใช้งานได้ในเว็บของเราเอง เช่นกำหนดที่ตั้งของ อบต. 6. สามารถประยุกต์สร้างฐานข้อมูลเพื่อการใช้งานเช่น ระบบแผนที่ภาษีได้ เพียงความสามารถเหล่านี้ ก็ยั่วยวนใจแล้วใช่ไหมครับที่จะทำให้เราอยากใช้ Google maps

การเข้าและออกจากระะบบอย่างถูกต้อง และเทคนิคสำหรับการเข้าสู่ระบบ

การเข้าและออกจากระบบอย่างถูกต้อง หลังจากที่เราสมัครใช้บริการของ Gmail เรียบร้อยแล้ว ในครั้งต่อไปที่เราจะเข้าสู่ระบบเพื่อเช็ค Email นั้นมีวิธีการดังนี้ครับ เปิดโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ (Web Browser) ขึ้นมา จากนั้นพิมพ์ mail.google.com ลงไปในช่อง Address แล้วกดปุ่ม Enter หรือคลิกที่นี่ จะเข้าสู่หน้าเว็บเพจของ Gmail เหมือนครั้งแรกที่เราสมัครGmail ให้พิมพ์ชื่อผู้ใช้โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ @gmail.com ยกตัวอย่างเช่น E-mail Account ของคุณคือ joomlacenter@gmail.com ก็ให้คุณพิมพ์ joomlacenter เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใส่ @gmail.com อีก หลังจากใส่ชื่อผู้ใช้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ในช่องถัดมาจะเป็นส่วนของรหัสผ่าน (Password) พิมพ์รหัสผ่านที่เราตั้งได้ตั้งเอาไว้กับ Gmail ลงไป สำหรับ อยู่ในสถานะลงชื่อเข้าใช้ จะใช้ก็ต่อเมื่อคอมพิวเตอร์ที่กำลังเปิด Gmail เป็นเครื่องที่บ้านของเรา เพื่อความสะดวกโดยไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่านบ่อย ๆ แต่มีข้อเสียคือไม่ค่อยปลอดภัยต่อข้อมูลภายใน Email ของเรานัก และหากนานวันเข้าจะทำให้เราจำรหัสผ่านของเราไม่ได้ ต้องกู้คืนในภายหลัง ทำให้เสียเวลา หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้วคลิ๊กที่ปุ่ม ลงชื่อเข้าใช้งาน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถเข้าสู่ Gmail ของเราได้แล้วครับ ส่วนการออกจาก Email Account อย่างถูกวิธีนั้นทำได้ไม่ยาก ขอย้ำนะครับ ยิ่งเป็นเครื่องที่ใช้ในที่สาธารณะด้วยแล้วจะต้องออกจากระบบให้ถูกวิธีนะครับ มิเช่นนั้นเมื่อมีคนมาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่อจากเราและเขาใช้ Gmail เหมือนเราก็จะเห็นข้อมูล Email ของเราทั้งหมดเพราะเราออกจากระบบไม่ถูกวิธีนั่นเอง (การออกจากระบบไม่ถูกวิธีคือการปิดหน้า Gmail โดยไม่มีการคลิ๊กปุ่มออกจากระบบ) มาดูขั้นตอนกันเลยครับว่าออกจากระบบอย่างไรจึงจะถูกวิธี หลังจากเราใช้เงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว และต้องการออกจากระบบ ให้มองไปที่มุมบนขวามือจะมีชื่อ Email ที่เราสมัครปรากฎอยู่ ให้คลิ๊กเมาส์ที่ที่ชื่อของเรา (จากตัวอย่างผมคลิก Alongkorn Tengsamut) จะปรากฎเมนูให้เราเลือก ให้คลิ๊กไปที่ออกจากระบบ รอสักครู่ Gmail จะแจ้งว่าเราได้ออกจากระบบอย่างถูกต้อง เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยครับ การออกจากระบบ gmail ส่งท้ายบทความ : การเข้าสู่ระบบไม่ใช่เรื่องยาก การออกจากระบบอย่างถูกต้องก็ไม่ใช่เรื่องยากหากเราใส่ใจและรู้จักวิธีการที่ถูกต้องครับ เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ กับการเข้าสู่ระบบ สำหรับบทความนี้ขอแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการเข้าสู่ระบบของ Gmail หากคุณใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอยู่ที่บ้านก็ไม่มีปัญหาอะไร คงจะ setup ระบบให้จำชื่อผู้ใช้กับรหัสผ่านอยู่แล้ว เพราะจะทำให้การใช้งาน Gmail ครั้งต่อไปของคุณสะดวกรวดเร็วมากขึ้น แต่หากคุณมีความจำเป็นต้องเช็ค Email ด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ก็อย่าไปคลิกเลือก ให้จำรหัสผ่านกับชื่อผู้ใช้นะครับ เพราะหากคุณลืมออกจากระบบ และกดปิดไปเลย Email ของคุณอาจถูกผู้อื่นเข้าดูข้อมูล หรือถูก Hack ก็ได้ครับ 1. การพิมพ์ url สำหรับเข้าใช้งาน gmail นั้นง่ายดาย เพียงแค่พิมพ์ mail.google.com เท่านั้นเองไม่จำเป็นต้องพิมพ์ http:// หรือ www แต่อย่างใด หรือ คลิกที่นี่ เพื่อไปยัง Gmail 2. ในส่วนของชื่อผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องพิมพ์ @gmail.com ต่อท้ายก็ได้ ซึ่งจะช่วยให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ส่งท้ายบทความ : หากนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้งาน จะช่วยให้คุณประหยัดเวลามากขึ้น และสามารถเข้าสู่ account ของคุณได้อย่างปลอดภัย

การตั้งค่าต่างๆใน Gmail

การตั้งค่าต่าง ๆ ใน Gmail
บทความนี้เป็นบทความที่เขียนต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว (การปรับแต่ง Gmail เบื้องต้น) ซึ่งจะกล่าวถึงการตั้งค่าต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ หากคุณปรับแต่งการตั้งค่าในส่วนนี้ได้คล่อง ก็ถือว่าคุณสามารถใช้งาน Gmail ได้อย่างมีประโยชน์สูงสุดแล้ว เข้าสู่ระบบด้วยบัญชีผู้ใช้ของคุณ คลิกเลือกเมนู การตั้งค่า จะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการตั้งค่าโดยแบ่งออกเป็นเมนูหลายเมนู เช่น ทั่วไป ป้ายกำกับ บัญชี ตัวกลองจดหมาย ฯลฯ โดยในส่วนแรกเราจะเริ่มต้นที่เมนู ทั่วไป  
ภาษา : ใช้กำหนดภาษาให้กับบัญชี Gmail ของคุณ หากคุณต้องการภาษาอังกฤษ สามารถเลือกได้ในส่วนนี้  
ขนาดหน้าเว็บสูงสุด : คุณสามารถเลือกให้แสดงจำนวนจดหมายใน 1 หน้า ตามจำนวนที่ต้องการ จากตัวอย่างเลือก 100 รายการต่อหน้า เนื่องจากเมื่อมี Email จำนวนมากแล้วเราต้องการลบ เราสามารถเลือกและลบ Email ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเปลี่ยนหน้าบ่อย ๆ
คีย์ลัด : จากตัวอย่างเลือกเป็นปิด หากต้องการใช้งานแนะนำให้อ่านข้อมูลเพิ่มเติมโดยคลิกที่ เรียนรู้เพิ่มเติมใต้ข้อความคีย์ลัด
เนื้อหาภายนอก : ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเองว่า เมื่อมีการส่งรูปภาพมาพร้อมกับ Email แล้วต้องการให้ Gmail แจ้งเตือนก่อน หรือต้องการให้แสดงรูปภาพดังกล่าวโดยอัตโนมัติ  
การเชื่อมต่อของ Browser : เป็นการกำหนดให้ใช้งานโปโตคอล https นั่นเอง จากที่ผมได้อ่านรายละเอียดสรุปให้คร่าว ๆ ดังนี้ครับ คือหากคุณเปิด https บัญชี Gmail ของคุณจะช้าลงนิดหน่อย แต่มีความปลอดภัยมากขึ้น ต้องแลกกันระหว่างความเร็วกับความปลอดภัย แต่เท่าที่ผมลงใช้งานก็ไม่ได้ช้ามากมายครับ ปลอดภัยไว้ก่อน ดีกว่า  
มุมมองการสนทนา : อยู่ที่การพิจาณาของคุณครับว่าต้องการอย่างไร สำหรับในเบื้องต้นขออธิบายเพียงเท่านี้ก่อน สามารถเลื่อสกรอบาร์ลงมาท้ายสุด แล้วคลิกปุ่มบันทึกการเปลี่ยนแปลงได้ก่อนครับ ไม่จำเป็นต้องรอให้ปรับแต่งเสร็จเรียบร้อยทั้งหมด นอกจากนี้การปรับตั้งค่าต่าง ๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณว่าต้องการปรับแต่งอะไรบ้าง เมื่อทดลองแล้วไม่ชอบก็สามารถปรับเปลี่ยนไปเป็นแบบเดิมได้ครับ บทความนี้เป็นบทความที่เขียนต่อจาก การตั้งค่าต่าง ๆ ใน Gmail ตอนที่ 1 มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความการตั้งค่าเพื่อให้คุณใช้งาน Gamil ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับในบทความนี้จะกล่าวถึงหัวข้อ ป้ายกำกับ ดูไปแล้วป้ายกำกับใน Gmail น่าจะเปรียบเสมือนโฟลเดอร์ที่ใช้ในการจัดเก็บอีเมลล์ โดยแยกอีเมลล์ออกเป็นประเภทดังนี้  
กล่องจดหมาย : คือส่วนที่ใช้สำหรับเก็บจดหมาย เมื่อมีการส่งจดหมายถึงเรา จดหมายจะถูกส่งเข้ามาในส่วนนี้  
ติดดาว : เราอาจจะติดดาวให้กับจดหมายที่มีประโยชน์น่าจดจำ และอยากจะกลับมาอ่านใหม่เมื่อต้องการ ทำให้การค้นหาอีเมลล์ทำได้ง่ายขึ้น หรือจดหมายเหล่านั้นสามารถนำมาทำเป็นอีเมลล์อ้างอิงในลักษณะต่าง ๆ ได้
สำคัญ : ในบางครั้งเมื่อมีอีเมลล์เข้ามา หรือส่งออกไปเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ๆ และเราต้องการจัดเก็บเอาไว้ โดยแยกออกจากจดหมายธรรมดา เราสามารถทำเครื่องหมายให้ความสำคัญกับอีเมลล์นั้นได้ และเมื่อทำเครื่องหมายอีเมลล์ดังกล่าวก็จะมาแสดงในส่วนนี้ด้วย  
จดหมายที่ส่งแล้ว : เป็นส่วนที่ใช้สำหรับเก็บสำเนาอีเมลล์ที่เราส่งออกไปจากอีเมลล์ของเรา
ร่างจดหมาย : หากเราเขียนจดหมายแล้วยังไม่ต้องการส่งด้วยเหตุผลใด ๆ ก็แล้วแต่ เมื่อเรากดบันทึก จนหมายจะเข้ามาอยู่ในส่วนนี้ และเมื่อต้องการปรับเปลี่ยนรายละเอียดในจดหมาย ในภายหลังก็เข้ามาในส่วนนี้คลิกเลือกอีเมลล์ และปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่าง ๆ  
จดดหมายทั้งหมด : ใช้สำหรับแสดงจำนวนจดหมายทั้งหมดในบัญชีผู้ใช้นี้  
จดหมายขยะ : เมื่อมีอีเมลล์ที่ไม่พึงประสงค์ เข้ามาภายในบัญชีอีเมลของเรา หากเข้าข่ายอีเมลล์ขยะ เช่นจดหมายที่มีการส่งให้กับคนจำนวนมากเพื่อโฆษณาสินค้า อีเมลล์ดังกล่าวจะถูกกักเอาไว้ในส่วนนี้
ถังขยะ : เมื่อลบอีเมลล์ อีเมลล์ดังกล่าวจะยังไม่ถูกลบทิ้งในทันที แต่จะเก็บเอาไว้ในส่วนนี้ เราสามารถกู้คืนจดหมายที่ถูกลบแล้วได้ในส่วนนี้ จากภาพด้านบน การปรับแต่งในส่วนนี้ไม่มีอะไรมาก แค่คลิก แสดงหากต้องการให้แสดงป้ายกำกับ และคลิกซ่อนหากไม่ต้องการแสดงป้ายกำกับ และทั้งหมดนี้คือรายละเอียด และวิธีการในการแสดงหรือซ่อนป้ายกำกับ

การใช้เมนูลัด การเปลี่ยนภาษา

การใช้เมนูลัดใน Gmail
-ในการใช้งาน Gmail นั้น โดยปกติแล้วหากเราต้องการลบจดหมายในกล่องจดหมายของเรา เราจะต้องทำเครื่องหมายหน้าจดหมายทีละฉบับ หากคุณต้องการเลือกจดหมายทั้งหมดเพื่อลบ คุณสามารถใช้เมนูลัดที่ผมกำลังยกตัวอย่างได้ครับ มันจะทำการเลือกจดหมายในหน้านั้นทั้งหมดเลย หลังจากนั้นคุณก็สามารถลบจดหมายได้หลายฉบับในครั้งเดียว และเมื่อเราไม่ต้องการลบจดหมายฉบับใด เราเพียงแค่ไปเอาเครื่องหมายที่หน้าจดหมายฉบับนั้นออก แล้วก็สั่งลบได้เลยครับ สะดวกดี นอกจากนี้คุณยังสามารถยกเลิกการเลิกได้โดยคลิกเมนูไม่เลือกเลย หรืออยากจะดูจดหมายที่อ่าน หรือยังไม่ได้อ่าน ติดดาวหรือไม่ติดดาว ก็ทำในลักษณะดียวกันครับ จากภาพให้คลิกที่ลูกศรสามเหลี่ยมหลังช่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ด้านบนก็จะแสดงเมนูที่ต้องการออกมา
-เมนูใน gmail เป็นที่รวมคำสั่งต่าง ๆ
-ภาพด้านล่างคือภาพตัวอย่างของการเลือกทั้งหมดเพียงครั้งเดียว ทั้งหมดนี้ลองนำไปยุกต์ใช้งานดูครับ เพื่อความรวดเร็วในการทำงาน

 การเปลี่ยนภาษาใน gmail การเปลี่ยนภาษาในที่นี้หมายถึง เปลี่ยนจากเมนูภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทย หรือภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ มาดูขั้นตอนกันเลยครับ
1. เปิดโปรแกรม Web Browser ขึ้นมาแล้วพิมพ์ mail.google.com ในช่อง Address เสร็จเรียบร้อยคลิกปุ่ม Sign in
2. เมื่อเข้าสู่ระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้มองที่มุมบนขวามือของหน้าจอ จะมีรูปเฟืองปรากฏอยู่ ให้คลิกที่รูปเฟือง 1 ครั้ง ปรากฏเมนูสำหรับการปรับแต่ง gmail ขึ้นมาคลิก Settings
3. หน้า Settings คลิกเลือกภาษาไทย
4. คลิกปุ่ม Save Changes
5. แสดงหน้าต่างยืนยันการเปลี่ยนภาษา กดปุ่ม yes เมื่อต้องการให้ส่วนอื่น ๆ เป็นภาษาไทยด้วย
6. แสดง Account ที่เมนูได้เปลี่ยนภาษาเรียบร้อยแล้ว

ประโยชน์ของ Gmail

ข้อดี 10 ประการ เมื่อใช้ระบบของ Gmail สรุปข้อดีเมื่อปรับมาใช้ระบบ Plug-in กับ Gmail
1. ให้พื้นที่ฟรี ถึง 5 GB (และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ) พื้นที่เยอะขนาดนี้ คุณสามารถเก็บอีเมลได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องลบทิ้งอีกแล้ว
2. รองรับการใช้งานภาษาไทย เปลี่ยนภาษาบนหน้าจอเป็นอังกฤษหรือไทยตามใจคุณ และแน่นอน Gmail รองรับการส่งข้อความด้วยภาษาไทย
3. หาอีเมลกี่ครั้งก็เจอ ด้วยระบบเสิร์ซอัจฉริยะของ Google คุณก็หาอีเมลหรือแชท ได้เร็วเพียงแค่พริบตา
4. หมดกังวลเรื่องสแปม Gmail บล็อกสแปมก่อนที่มันจะเข้าอินบ็อกของคุณ
5. คุยกับเพื่อนได้ในทันที โปรแกรมแชทและอีเมลที่ติดตั้งมาพร้อมกัน ทำให้คุณไม่ต้องเปลี่ยนหน้าจอสลับไปมาให้ยุ่งยากอีกแล้ว
6. เช็คเมลผ่านมือถือ อ่าน Gmail บนมือถือของคุณได้ง่ายๆ
7. จัดอีเมลเรื่องเดียวกันให้เป็นหนึ่งเดียว อีเมลเรื่องเดียวกันที่มีการโต้ตอบไปมาหลายครั้งจะถูกจัดเก็บไว้ด้วยกันโดยอัตโนมัติ คุณจึงหาและอ่านอีเมลทั้งหมดได้ทันที
8.เซฟอัตโนมัติ Gmail ช่วยเซฟและบันทึกร่างอีเมลที่กำลังเขียนอยู่โดยอัตโนมัติ หมดกังวลเรื่องเขียนอีเมลค้างไว้แล้วหายไปก่อนส่งออก
9. Labels จัดระเบียบให้อีเมลของคุณแบบง่ายๆ ด้วยการแยกเก็บไว้ใน Label
10. โอนถ่ายข้อมูลจากเมล์อื่น ง่ายแค่คลิ๊ก โอนถ่ายข้อมูลติดต่อทั้งหมดจาก Outlook, Hotmail, Yahoo! และอีเมลอื่นๆ เข้ามาใช้ใน Gmail ได้อย่างง่ายดาย  

การใช้ Gmail ให้เกิดประโยชน์สูงสุด gmail logoภายในเว็บไซต์แห่งนี้ ผมได้เขียนวิธีการสมัครและใช้งาน Gmail ซึ่งมีเนื้อหาที่ค่อนข้างละเอียดอยู่พอสมควร แต่หากคุณคือผู้เริ่มต้นและไม่ทราบถึงประโยชน์ของ Gmail บทความนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นประโยชน์ ซึ่งหากคุณนำมาประยุกต์ใช้งานจะทำให้การใช้คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ตของคุณมีประโยชน์เพิ่มมากขึ้นเลยทีเดียว สำหรับบทความการสมัคร และใช้งาน Gmail ดูรายละเอียดได้โดย คลิกที่นี่ ปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีการสื่อสารนั้นพัฒนาเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ทางการสื่อสาร หรือโครงข่ายในการให้บริการ ก่อนหน้านี้หากคุณต้องการส่ง Email คุณจะต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ปัจจุบันสามารถส่ง Email ได้ง่ายขึ้นโดยใช้ Smartphone ซึ่งมีระบบปฏิบัติการต่าง ๆ หลากหลายให้คุณได้เลือกใช้ สำหรับบทความนี้ขอนำเสนอระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีโปรแกรมต่าง ๆ ให้เลือกใช้งานมากมาย หลังจากเกริ่นนำรายละเอียดมาค่อนข้างยาว โดยที่กล่าวมานั้นล้วนแล้วแต่คือประโยชน์ที่คุณได้รับจากฟรี Email ยอดนิยมอย่าง Gmail สำหรับประโยชน์ด้านอื่น ๆ มีดังต่อไปนี้ - เป็นบริการฟรีที่ไม่มีค่าใช้จ่าย - มีพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้คุณสามารถเก็บ Email ที่มีความสำคัญได้มากขึ้น - ภายใน Gmail นั้นมีเครื่องมือต่าง ๆ ให้คุณได้เลือกใช้และปรับแต่งได้มากมาย ทำให้การบริหารจัดการ Email ง่ายขึ้น - ใช้งานกับ Smartphone ได้อย่างลงตัว แน่นอนหากคุณซื้อ Smartphone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android คุณต้องมี Gmail Account เพื่อ Download Apps ต่าง ๆ - สามารถใช้งานบริการต่าง ๆ ของ Google ได้อย่างมากมายเช่น Blogger, Picasa, Google+, Youtube เป็นต้น - มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม หากคุณเคยลองใช้บริการยืนยันตัวตนผ่านโทรศัพท์มือถือของคุณ ๆ จะรู้ว่ามัน Work มาก

ขั้นตอนการสมัคร Gmail และ การกู้รหัสคืน

ขั้นตอนในการสมัครอีเมล์ Gmail จีเมล Google Mail
1.ให้คุณเข้าไปที่ www.gmail.com เพื่อเข้าไปสมัครใช้งาน Gmail นั่นเอง
2.ให้คุณสังเกตด้านบนสุดขวามือของเว็บไซต์คุณจะเห็นสี่เหลี่ยมสีแดงที่เขียนว่า สร้างบัญชี อยู่ให้คุณคลิกไปที่สี่เหลี่ยมสีแดงที่เขียนว่า สร้างบัญชีได้ทันที
3.หน้าต่อไปคุณจะเห็นด้านขวามือนั้นมีช่องสี่เหลี่ยมสีขาวให้คุณกรอกข้อมูลเยอะแยะไปหมดเลยมาเริ่มจากด้านบนก่อน ดังนี้  
กรอกชื่อ และ นามสกุล ของคุณลงไปจริงๆ ไม่จำเป็นจะต้องกรอกชื่อ หรือ นามสกุล ของคุณจริงก็ได้สามารถใช้ชื่อที่ตั้งเอาเองก็ได้ในส่วนนี้แต่ชื่อที่ใช้นั้นต้องเป็นคนล่ะชื่อกับที่คุณจะตั้งเป็นชื่อ Gmail ของคุณ
เลือกชื่อผู้ใช้ ให้คุณตั้งชื่อที่คุณต้องการใช้เป็นชื่ออีเมล์แอดเดรส เช่น xxx@gmail.com นั่นเอง ตั้งแล้วต้องจำให้ได้นะเพราะเป็นชื่อที่จะต้องใช้เข้าสู่ระบบ Gmail ทุกครั้ง  
สร้างรหัสผ่าน และ ยืนยันรหัสผ่าน ในช่องนี้ให้คุณตั้งรหัสผ่าน ด้วยตัวเลข หรือ ตัวอักษรก็ได้ซึ่งต้องมีความยาวไม่ต่ำกว่า 8 อักขระ ด้วยนั่นเอง และควรเป็นรหัสผ่านที่คุณคิดว่าจำได้ด้วยไม่เช่นนั้นถ้าลืมขึ้นมาแล้วคุณอาจจะเข้าใช้งานอีเมล์ของคุณไม่ได้นั่นเอง
วัน เดือน ปี ในส่วนนี้ให้คุณกรอก วัน เดือน ปี เกิดของคุณให้ถูกต้อง
ขั้นตอนต่อไป คือ การระบุเพศของคุณ ชาย หญิง หรือ อื่นๆ ในกรณีที่คุณเป็น ทอม กระเทยเกย์ เป็นต้นให้ระบุเลือกที่อื่นๆ  
กรอกเบอร์มือถือจริงของคุณเนื่องจากมีประโยชน์ และ ปลอดภัยเป็นอย่างมากทาง Gmail จะส่งรหัสรักาความปลอดภัยให้คุณผ่านทาง SMS เบอร์มือถือที่คุณได้กรอกเอาไว้ในกรณีที่คุณเกิดลืมรหัสผ่านในการเข้าใช้งาน Gmail ของคุณนั่นเอง  
ที่อยู่อีเมล์ปัจจุบันของคุณ ในส่วนนี้ถ้าคุณมีที่อยู่อีเมล์อื่นอยู่แล้วค่อยกรอกแต่ถ้าไม่มีก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกรอกปล่อยเว้นว่างเอาไว้ก็ได้  
พิสูจน์ว่าคุณไม่ได้เป็นหุ่นยนต์ แค่คุณกรอกเลข หรือ ตัวอักษรตามรูปภาพที่ขึ้นอยู่ในช่องสี่เหลี่ยมสีขาวด้านล่างให้ถูกต้องก็พิสูจน์ได้ว่าคุณไม่ใช่หุ่นยนต์แล้ว
ตำแหน่งที่อยู่ ให้คุณเลือกเป็น ประเทศ ไทย หลังจากนั้นจะมีช่องสี่เหลี่ยมสีขาวให้คุณเลือกติกเครื่องหมายถูกคุณจะติกเฉพาะอันบน หรือ เลือก ติกอันล่างด้วยก็ได้ในส่วนนี้ หลังจากกรอกข้อมูลถูกต้องครบถ้วนทุกช่องแล้วให้คุณกดที่ สี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน ขั้นตอนถัดไป ได้ทันที เพียงเท่านี้คุณก็สามารถสมัครใช้งาน Gmail ได้เรียบร้อย และ ขั้นตอนต่อไปนั่นคือการเลือกรูปใส่ประจำโปรไฟล์ Gmail ของคุณก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยสมัคร Gmailง่ายๆ เพียงไม่กี่นาทีคุณก็มี Gmail เป็นของตัวเองแล้วคุณสามารถที่จะรับส่งจดหมายผ่านทาง Gmail เพื่อติดต่อกับเพื่อน หรือ ติดต่องานได้ อย่างสะดวกสบายสุดๆ ที่สำคัญ Gmail นั้นยังมีรูปแบบในการใช้งานที่ง่ายอีกด้วย  
ลืมรหัสผ่าน Gmail คงไม่ดีแน่นอน หากคุณต้องการเข้าไปเช็คอีเมลล์ แล้วต้องพบกับเหตุการณ์ตามภาพด้านล่าง นั่นคือคุณลืมรหัสผ่าน Gmail ของคุณนั่นเอง ปัญหานี้ดูจะไม่ใช่เรื่องใหญ่หากคุณใส่ใจกับการกรอกข้อมูลเมื่อครั้งที่คุณสมัคร Gmail ได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์ของคุณ ซึ่งในปัจจุบันนี้นอกจากที่เบอร์โทรศัพท์จะใช้กู้คืนรหัสผ่านได้แล้ว มันยังสามารถสร้างความปลอดภัยใหกับ Gmail ของคุณได้อีกด้วย ต่อไปนี้เป็นการรีเซ็ตรหัสผ่าน Gmail แบบหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากการลืมนั้น คุณอาจจะลืมชื่ออีเมลล์ เพียงอย่างเดียว หรือลืมรหัสผ่านเพียงอย่างเดียว หรือลืมทั้งสองอย่าง การก็คืนหรือการรีเซ็ตนั้นก็จะมีความยากง่ายที่แตกต่างกันไปครับ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างสำหรับคนที่ลืมรหัสผ่านเพียงอย่างเดียวครับ ซึ่งเป็นกันบ่อย เริ่มจากคลิก ความช่วยเหลือ -คลิกเลือก ฉันไม่ทราบรหัสผ่านของฉัน จากนั้นพิมพ์ที่อยู่อีเมลล์ที่คุณลืมรหัสผ่านให้ถูกต้อง คลิกปุ่มดำเนินการต่อ -คลิกปุ่ม ใช่ ดำเนินการต่อ -พยายามพิมพ์รหัสผ่านครั้งล่าสุดที่จำได้ลงไป คลิกปุ่มดำเนินการต่อ -ระบบจะส่ง SMS ไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่คุณใช้สมัคร Gmail เป็นตัวเลขประมาณ 6 ตัว คลิกปุ่มดำเนินการต่อ -เมื่อได้ SMS พิมพ์รหัสที่คุณได้รับลงในช่อง โปรดใส่รหัสที่นี่ คลิกปุ่มดำเนินการต่อ -พิมพ์รหัสผ่านใหม่ที่คุณต้องการ 2 ครั้งให้เหมือนกัน คลิกปุ่ม รีเซ็ตรหัสผ่าน เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ

วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

ประวัติของจีเมล

ประวัติของจีเมล ความคิดในการสร้างอีเมล์ถูกเสนอขึ้นระหว่างการสัมภาษณ์งานกับกูเกิลโดยRajen Sheth จากนั้นโครงการจึงเริ่มโดยนักพัฒนาของกูเกิลชื่อ Paul Buchheit เขาใช้เวลาพัฒนามาหลายปีก่อนจะเปิดเป็นสาธารณะ โดยแรกเริ่ม จีเมลถูกใช้สำหรับพนักงานในบริษัทกูเกิลเท่านั้น ต่อมากูเกิลจึงเปิดเผยต่อสาธารณะในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2004 (วันเมษาหน้าโง่) ซึ่งทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องโกหก  
การรองรับภาษา จีเมลในปัจจุบันมีการรองรับภาษาทั่วโลกได้ 52 ภาษาแล้ว ดังนี้: อาหรับ, บัลแกเรีย, คาตาลัน, จีนตัวย่อ, จีนตัวเต็ม, โครเอเชีย, เช็ก, เดนมาร์ก, ดัตช์, อังกฤษ (UK), อังกฤษ (US), เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, กรีก, กูจาราติ, ฮีบรู, ฮินดี, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, อินโดนีเซีย, อิตาลี , ญี่ปุ่น, กันนาดา, เกาหลี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, มาเลย์, มาลายาลัม , มราฐี, นอร์เวย์ (Bokmål), โอริยา, โปแลนด์, ปัญจาบ, โปรตุเกส (บราซิล), โปรตุเกส , โรมาเนีย, รัสเซีย, เซอร์เบีย, สิงหล, สโลวัก, สโลวีเนีย, สเปน, สวีเดน, ตากาล็อก, ทมิฬ, เตลูกู, ไทย, ตุรกี, ยูเครน,อูรดู และ เวียดนาม
การใช้งานร่วม จีเมลมีความสามารถในการใช้งานระหว่าง Blogger หรือระบบโทรศัพท์มือถือได้หลายอย่าง โดยสามารถใช้งานได้โดยไม่มีการเรียกใช้โปรแกรมภายในเครื่องจะเป็นระบบข้อความ text messagingในเฉพาะโทรศัพท์ที่มีระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
คุณสมบัติของจีเมล รับรองระบบ POP3 IMAP และ SMTP รองรับการเพิ่มบัญชี 5 ชื่อ มีระบบการค้นหาภายใน ทั้งที่เป็นอีเมลเฉพาะหมวดหมู่ที่ผู้ใช้กำหนดขึ้น และอีเมลทั้งหมด สามารถแท็ก อีเมลเพื่อแยกเป็นหมวดหมู่ได้ มีป้ายกำกับให้โดยเฉพาะ มีระบบป้องกันสแปมและป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์และระบบคัดกรองจดหมายขยะด้วยตนเองได้ มีบริการแชทจากหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์ ที่เรียกว่า กูเกิลทอล์ก โดยรองรับการเชื่อมต่อด้วยกล้องแล้ว มีระบบบันทึกอีเมลก่อนส่ง และระบบบันทึกอัตโนมัติ (auto-save) สามารถเซฟอีเมลที่เรากำลังพิมพ์อยู่ได้ ทำให้ถึงแม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีปัญหา หรือเกิดไฟดับ เราอาจจะไม่ต้องมาพิมพ์ใหม่ทั้งหมดพร้อมทั้งการเก็บบันทึกไว้เป็บแบบร่างได้ทันที สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบหน้าต่างของจีเมลได้ บริการทั้งหมดเป็นบริการฟรี ยกเว้นการซื้อพื้นที่เก็บอีเมลเพิ่มขึ้นจากพื้นที่ที่จีเมลจัดให้  
การใช้ชื่อ กูเกิลใช้ชื่อบริการอีเมลนี้ว่า จีเมล (Gmail) เกือบทั่วโลก ยกเว้นในประเทศเยอรมนี สหพันธรัฐรัสเซีย และสหราชอาณาจักร โดยเลือกใช้ชื่ออื่นคือ "กูเกิลเมล" (Google Mail) เนื่องจากชื่อ Gmail ซ้ำกับชื่อที่มีอยู่แล้วขององค์กรอื่น จึงได้เปลี่ยนชื่อเพื่อความเหมาะสมในการให้บริการ และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาลิขสิทธิ์ที่อาจเกิดขึ้นได้  
รางวัลที่ได้รับ จีเมลได้รับการจัดอันดับเป็นลำดับที่สองจากนิตยสาร PC Worldใน "100 Best Products of 2005" โดยอันดับที่ 1 คือ มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์นอกจากนี้ นิตยสาร PC World ยังได้มอบรางวัล "Honorable Mention" ใน The Bottom Line Design Awards 2005 แก่จีเมลอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรางวัลอื่น ๆ ที่ทางจีเมลได้รับ โดยจะมีการบันทึกข้อมูลไว้ในเว็บไซต์ของจีเมลเอง

Gmail คืออะไร?

จีเมล (Gmail)
เป็นบริการอีเมลฟรีของกูเกิลผ่านทางระบบเว็บเมล POP และ IMAP โดยในขณะที่โปรแกรมยังอยู่ในระยะพัฒนา (เบต้า) จีเมลเปิดให้ผู้ที่ได้รับคำเชิญทดลองใช้เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2547 และให้บริการแก่บุคคลทั่วไปเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 หลังจากนั้นจึงออกจากระยะพัฒนาพร้อมกับบริการอื่น ๆ ของกูเกิล แอปส์เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปัจจุบันจีเมลรับรองการใช้งาน 54 ภาษารวมถึงภาษาไทย จีเมลเป็นผู้บุกเบิกการใช้ AJAX ที่ใช้งานจาวาสคริปต์และการใช้งานผ่านทางคีย์บอร์ด ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน ปัจจุบัน จีเมลเป็นบริการอีเมล์บนเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก กล่าวคือมากกว่า 425 ล้านคน  
ภาษาพัฒนา การเริ่มโครงการจีเมลของ กูเกิลนั้นเริ่มพัฒนาขึ้นมาหลายปีก่อนที่จะเปิดให้บริการ โดยในระยะแรกเริ่มของการเปิดให้บริการ จะให้สิทธิ์ในการสมัครจีเมลโดยแจกจ่ายสิทธิทางอีเมลเชิญชวนเท่านั้น จนกระทั่งต่อมาจึงได้ยกเลิกการสงวนสิทธิ์ดังกล่าว โดยเปิดให้สมัครได้กับทางเว็บไซต์โดยตรง โดยหลักแล้วภาษาที่ใช้พัฒนาคือ AJAX เป็นภาษาที่ใช้ในเว็บรุ่น 2.0 (เน้นหนักไปที่ AJAXSLT framework นอกจากนี้จะมีการเรียกใช้คุณสมบัติของ JavaScript ภายในเครื่องเพื่อการรับค่าแสดงผล จีเมลสามารถรับภาษาได้มากกว่า 52 ภาษาทั่วโลก ในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2549 จีเมลได้มีการทดลองก่อนที่ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในญี่ปุ่น 3 กันยายน พ.ศ. 2549 และในอียิปต์ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2549 นอกจากนั้นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 เปิดให้ลงทะเบียนทั้งในยุโรป อเมริกากลาง และแอฟริกา จนกระทั่งระบบรองรับการใช้งาน ทำการเปิดให้ลงทะเบียนใช้งานได้ทั่วโลกโดยไม่ได้ติดป้าย ทดลองใช้ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550
เครื่องบริการ ระบบปฏิบัติการที่ให้บริการจีเมลคือ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิล GFE/1.3 server พร้อมระบบปฏิบัติการลินุกซ์
พื้นที่เก็บอีเมล ในระยะแรก จีเมลให้พื้นที่เก็บอีเมล 1 จิกะไบต์ต่อหนึ่งอีเมลของจีเมล และตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา จีเมลจะเพิ่มพื้นที่ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน จีเมลให้พื้นที่เก็บอีเมลมากกว่า 10 จิกะไบต์ และยังคงเพิ่มขึ้นทีละน้อยอยู่ตลอดเวลา โดยหากมีการใช้งานมาก ต้องการความจุเพิ่มขึ้นจากที่ทางจีเมลให้บริการฟรี สามารถอัปเกรดได้โดยเสียค่าบริการเพิ่ม โดยความจุที่เพิ่มขึ้นจะใช้ร่วมกันระหว่างบริการ ปีกาซา กูเกิล ด็อกส์ และ จีเมล  
รูปร่างหน้าตา โดยเริ่มแรก จีเมลยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ แต่ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2008 จีเมลได้เพิ่มชุดรูปแบบกราฟิกการแสดงผล (สกิน) ของกูเกิลให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้  
โปรมแกรมท่องอินเทอร์เน็ตที่รองรับ เมลสามารถแสดงผลได้ดีตามรายชื่อต่อไปนี้ : อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ 5.5+, มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ 1.0+, Safari 1.2.1+, K-Meleon 0.9+, Netscape 7.1+, Opera 9+, กูเกิล โครม โดยมีการเพิ่มโค้ดในการรองรับ Firefox 2.0+ และ Internet Explorer 7 / 8 จีเมลสามารถใช้งานแบบไม่มีการใช้จาวาและอาเจ็คได้โดยมีชื่อว่า "Basic HTML view" หรือแสดงผลแบบเอชทีเอ็มแอลปกติ ในกรณีที่ไม่สามารถใช้งานในแบบปกติได้ เช่น ใช้เว็บเบราว์เซอร์รุ่นเก่า หรือไม่ได้เปิดการทำงานของจาวาสคริปต์ไว้ จีเมลจะเข้าระบบเอชทีเอ็มแอลปกติ